• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 25 เมษายน 2568

    25 เมษายน 2568 | Gold News


ตัวเลขเศรษฐกิจ


  • Unemployment Claims ออกมาที่ 222K ตามคาดการณ์ที่ 222K ครั้งก่อน 216K   
  • Core Durable Goods Orders m/m ออกมาที่ 0.0% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.3% ครั้งก่อน 0.7%  
  • Durable Goods Orders m/m ออกมาที่ 9.2% สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.1% ครั้งก่อน 0.9%
  • Existing Home Sales ออกมาที่ 4.02M ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 4.14M ครั้งก่อน 4.27M

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหลังจากราคาทองคำร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หลังจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันในเรื่องดังกล่าว


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 46.61 เหรียญ หรือ 1.41% อยู่ที่ระดับ 3,352.68 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 54.50 ดอลลาร์ หรือ 1.65% ปิดที่ 3,348.60 ดอลลาร์/ออนซ์
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 0.58 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 948.56 ตันภาพรวมเดือนเมษายน ซื้อสุทธิ 16.62 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 76.04 ตัน


  • นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีนสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะคลี่คลายข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศด้วยการกล่าวว่าเขาอาจจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงจากระดับ 145% อย่างไรก็ดี สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ไม่มีแผนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนในการลดภาษีศุลกากร พร้อมกับกล่าวว่า สหรัฐฯ และจีนยังไม่ได้เริ่มต้นการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการร่วมกัน


  • ล่าสุด เหอ หย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมายืนยันว่า ยังไม่มีการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อีกทั้งปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ โดยระบุว่าข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง นอกจากนี้ นายเหอยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าจีนทั้งหมดก่อน


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.18 จุด หรือ -0.18% มาอยู่ที่ระดับ 99.57 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวลดลง -0.05 % มาอยู่ที่ระดับ 4.317% ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ปรับตัวลดลง -0.06 % มาอยู่ที่ระดับ 3.799% โดยที่ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี มากกว่า 2 ปี เท่ากับ0.52%


  • นายนีล คาชการี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนิอาโปลิส กล่าวว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่น่ากังวลและอาจนำไปสู่การเลิกจ้างพนักงานในวงกว้าง แม้ว่าขณะนี้ภาคธุรกิจจะอยู่ในขั้นวางแผนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม เขามองว่าการคลี่คลายข้อพิพาททางการค้ากับพันธมิตรหลักจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจะช่วยลดความไม่แน่นอน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ


  • คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เขาพร้อมสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หากมาตรการภาษีนำเข้าส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญและนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของการว่างงาน ขณะเดียวกัน เบธ แฮมแม็ค ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์  กล่าวว่า เฟดอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในเดือนมิถุนายน หากมีสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน


  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ เนื่องจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับภาวะขาลงทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขานรับความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนประเมินผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และหาสัญญาณบ่งชี้ความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,093.40 จุด เพิ่มขึ้น 486.83 จุด หรือ +1.23%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,484.77 จุด เพิ่มขึ้น 108.91 จุด หรือ +2.03% 
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,166.04 จุด เพิ่มขึ้น 457.99 จุด หรือ +2.74%
  • หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3.54% ตามด้วยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารพุ่งขึ้น 2.31% ส่วนหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.96%


  • หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก โดยเฉพาะหุ้น 7 บริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูง หรือกลุ่ม “Magnificent Seven” หลังจากบริษัทเซอร์วิสนาว (ServiceNow) ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เปิดเผยกำไรที่สูงเกินคาด โดยหุ้นเซอร์วิสนาวปิดตลาดทะยานขึ้น 15.5%


  • คณะรัฐมนตรีไต้หวันเสนอแผนจัดสรรงบประมาณพิเศษ 4.10 แสนล้านดอลลาร์ไต้หวัน (1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4.22 แสนล้านบาท) เพื่อช่วยเศรษฐกิจของไต้หวันรับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ


  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยการประมาณการเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.2% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบประมาณหนึ่งปี


  • รัฐบาลจีนเริ่มจำหน่ายพันธบัตรพิเศษล็อตแรกของปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ประกาศก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจีนได้ออกพันธบัตรพิเศษสามประเภทซึ่งมีวงเงินรวม 2.86 แสนล้านหยวน (3.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยประกอบไปด้วยพันธบัตรพิเศษอายุ 5 ปี วงเงิน 1.65 แสนล้านหยวน เพื่อสนับสนุนการอัดฉีดเงินทุนให้กับธนาคารของรัฐที่ประสบปัญหาในการทำกำไรท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมัน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกพลัสจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน และการส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.84% ปิดที่ 62.79 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 66.55 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า สมาชิกหลายประเทศของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ต้องการให้เพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนมิ.ย. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการผลิตเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน


  • ทั้งนี้ สมาชิก 8 ประเทศของกลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันในวันที่ 5 พ.ค.เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดกำลังการผลิตในเดือนมิ.ย.


  • นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณในเรื่องดังกล่าวที่ขัดแย้งกัน โดยแม้ว่าปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาอาจจะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนลงจากระดับ 145% แต่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ไม่มีแผนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนในการลดภาษีศุลกากร พร้อมกับกล่าวว่า สหรัฐฯ และจีนยังไม่ได้เริ่มต้นการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการร่วมกัน


ข่าวเกี่ยวกับการเมือง


  • โดนัลด์ ทรัมป์ วิจารณ์การโจมตีทางอากาศของรัสเซียต่อกรุงเคียฟ ผ่าน Truth Social โดยเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยุติการกระทำดังกล่าว หลังมีรายงานผู้เสียชีวิต 12 ราย โดยระบุกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเขาเองมีกำหนดเส้นตายของตัวเอง เพื่อผลักดันให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดขึ้นได้ก่อนครบกำหนด 100 วันในวันที่ 30 เม.ย. นี้


  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวของ Politico ที่ว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณายกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน โดยรูบิโอกล่าวว่ารายงานดังกล่าวเป็นเรื่องเท็จ


  • สำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ส่งโดรนและขีปนาวุธโจมตีกรุงเคียฟเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 70 ราย


  • สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนในการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่น ขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังพยายามหาทางออกร่วมกัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีที่รุนแรงต่อสินค้านำเข้า


  • จีนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการภาษีฝ่ายเดียวทั้งหมดที่ใช้กับสินค้าจีน พร้อมย้ำว่ายังไม่มีการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้น


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • ค่าเงินบาทวันนี้ (25 เม.ย. 68) เปิดตลาดแข็งค่าที่ 33.42 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากราคาปิดตลาดเมื่อวานที่ระดับ 33.47 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบแนวรับที่ 33.30 บาท แนวต้าน 33.60 บาท


  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนมี.ค.68 พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 29,548 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 17.8% สูงกว่าตลาดคาดที่ 10.7-13% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และขยายตัวในระดับ 2 digit ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

 

 

ที่มาจาก : yahoo finance, Reuters, kitco news, investing, Infoquest

Tags : ข่าวทองข่าวทอง ทอง ราคาทอง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com