ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะ Safe-Heaven ตามความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางจึงฉุดให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า โดยทองคำค่อยๆปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,070 เหรียญ ท่ามกลางปริมาณความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ชะลอตัวลง โดยตลาดหุ้นเอเชียและค่าเงินปรับอ่อนค่าลงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยค่าเงินเยนกลับมาถูกถือครองในฐานะ Safe-Heaven อีกครั้ง และการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ได้หนุนให้เกิดความน่าสนใจในการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นของกลุ่มนักลงทุน
นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่เราต้องจับตาในสัปดาห์นี้ อันได้แก่ ISM เผยดัชนีภาคการผลิต PMI สหรัฐฯ (คืนนี้), การจ้างงานภาคเอกชนและการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ รวมถึงยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานและรายงานน้ำมันในช่วงกลางสัปดาห์นี้ เราอาจจำเป็นต้องจับตาความตึงเครียดระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่านด้วย เนื่องจากจะส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ได้
โดยราคาอาจยืนเหนือ 1,070 เหรียญ และขึ้นมาแถวระดับ 1,080 - 1,090 เหรียญได้ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ซิลเวอร์มีโอกาสจะยืนเหนือกรอบบริเวณ 13.92-13.77 เหรียญโดยเรามีโอกาสเห็นซิลเวอร์ฟื้นตัวขึ้นแถว 14.00-14.30 เหรียญในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า ทองคำได้รับแรงหนุนจากภาวะวิกฤติทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางระบบการเงินในฐานะ Safe-Heaven แต่ก็มีแนวโน้มจะเป็นเพียงการฟื้นตัวระยะสั้นๆเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก OCBC กล่าวว่า ประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่อาจกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาต่อ และคาดว่ามีโอกาสเห็นราคาทองคำแถวระดับ 950 เหรียญได้ในปีนี้
นาย Jim Rickards ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนจาก Invest Like วิเคราะห์ว่า ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในปี 2016 ได้แก่ 1.ภาวะเงินเฟ้อ/ภาวะเงินฝืด 30% 2.ค่าเงินดอลลาร์ 30% 3.นโยบายทางการเงิน 30% 4.วิกฤติการณ์ทางการเมือง 5%และ 5.การเมืองของสหรัฐฯ 5% ซึ่งสามารถเห็นได้ว่า ความเห็นของนาย Jim Rickards เห็นว่า นโยบายการเงิน ค่าเงินดอลลาร์ และภาวะเงินเฟ้อ/เงินฝืด มีอิทธิพลต่อราคาทองคำรวมกันกว่า 90% โดยนาย Jim Rickards แนะนำให้ลงทุนในทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆ รวม 10% ของพอร์ต