ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 76.98 จุด หรือ -0.42% ที่ระดับ 18,374.00 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ โดยบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน และสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวลง 8.55 จุด หรือ -0.26% ปิดที่ 3,287.71 จุด ปิดอ่อนแรงลงในวันนี้ แม้ว่า PBoC จะมีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน แต่ก็ไม่สามารถผ่อนคลายความตื่นตระหนกของนักลงทุนได้
Citigroup Inc., Deutsche Bank AG and Nomura Holdings Inc. กล่าวว่า กลไล Circuit-Breaker ของจีนนั้น ไม่สามารถที่จะทำให้นักลงทุนสงบลงได้ โดยนักลงทุนยังคงพยายามที่จะปิดสถานะของตนแม้จะมีการพักการซื้อขายไปแล้ว 15 นาทีก็ตาม โดยนักวิเคราะห์หลายคนแนะนำว่าจีนควรขยายระดับการพักการซื้อขายครั้งแรกให้มากกว่า 5% และเพิ่มช่องว่างระหว่างการพักการซื้อขายครั้งแรกและหยุดการซื้อขายตลอดวัน ให้มากกว่า 2%
ทั้งนี้กลไก Circuit-Breaker ของตลาดหุ้นจีน จะอิงกับดัชนี CSI300 โดยหากดัชนีฯปรับตัวลดลง 5% จะหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที และหากปรับตัวลดลง 7% จะหยุดการซื้อขายในวันนั้น (*ดัชนี CSI300 คือดัชนีอิงกับหุ้นขนาดใหญ่จำนวน 300 ตัวจากตลาดหุ้นเสิ้นเจิ้นและตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้)
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ จะขยายตัวที่ระดับ 0.8% โดยแรงกดดันเงินเฟ้อในปีนี้มีน้อย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามีส่วนทำให้เงินเฟ้อขยายตัว
ในขณะที่ ธนาคารทิสโก้ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในปีนี้ของไทย จะอยู่ที่ระดับ 1.3% ใกล้เคียงกับกรอบล่างของเป้าหมายเงินเฟ้อที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด (ระหว่าง 1% - 4%) จึงคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%ตลอดทั้งปีนี้