สรุปรายงานการประชุมเฟด ประจำเดือน ธ.ค. ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อคืนนี้ ระบุว่า ในที่ประชุมมีความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทั้งนี้สมาชิกเฟดได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะสั้น หลังจากที่ดัชนีราคาผู้ผลิตและราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ระยะกลาง คาดการณ์ว่าราคาสินค้านำเข้าทั้งพลังงานและไม่ใช่พลังงานจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะถึงเป้าหมายของเฟดที่ 2% ได้ภายในปี 2018
World Bank ปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2016 ลงสู่ระดับ 2.9% เมื่อวานนี้ จากที่เคยประเมินไว้ที่ระดับ 3.3% ในเดือน มิ.ย. 2015 เนื่องจากการชะลอตัวจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งเติบโตต่ำกว่าระดับ 3% เป็นปีที่ 5 พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์เติบโตของจีนในปีนี้ ลงสู่ระดับ 6.7% จากระดับ 7% ที่เคยประเมินไว้ในเดือน มิ.ย. 2015
นาย Kaushik Basu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ World Bank ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะต้องปรับตัวให้เข้ากับช่วงเวลาของการเติบโตที่ชะลอตัวลงในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์, การค้าและการลงทุน ที่ตกต่ำลง
ธนาคารกลางจีน(PBOC) ปรับลดค่าเงินหยวนลงอย่างต่อเนื่องแล้ว 8 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. เป็นต้นมา โดยในวันนี้ปรับลดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนลงอีก 0.51% สู่ระดับ 6.5646 หยวน/ดอลลาร์ ทั้งนี้ธนาคารกลางจีนกำหนดให้ค่าเงินหยวนปรับตัวขึ้นหรือลงได้ไม่เกิน 2% จากค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยน
หนังสือพิมพ์ China Daily ระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กำชับต่อเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงว่าให้รักษาสัญญาว่าจะหยุดการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และพฤติกรรมที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง และจะไม่มีการอดทนและประนีประนอมกับประเด็นดังกล่าว
สำนักข่าว The Global Times ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาลจีน รายงานว่า เกาหลีเหนือ พยายามที่จะใช้ประเด็
นการทดลองนิวเคลียร์ เพื่อปิดบังความย่ำแย่
ทางเศรษฐกิจและความรู้สึกไม่มั่
นคงทางการเมือง ซึ่งถ้าหากเกาหลีเหนือต้องการที
่จะพัฒนาเศรษฐกิจของตนเอง เกาหลีเหนือควรจะสานความสัมพั
นธ์กับโลกภายนอก รวมถึงชาติตะวันตก
น้ำมันดิบ WTI ทำจุดต่ำสุดใหม่วันนี้ที่ระดับ 32.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในเกือบ 13 ปี ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2003 ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ทำจุดต่ำสุดใหม่วันนี้เช่นกันที่ระดับ 32.14 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี ประมาณช่วงปลายปี 2004
ทั้งนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมากว่า 65% จากระดับสูงสุดเมื่อ 18 เดือนก่อน เนื่องจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบส่วนเกิน ทั้งจากนโยบายการแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจาก OPEC อุปสงค์ที่อ่อนแอ และระดับสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น