MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์ในคืนวันศุกร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น ตอบรับกับข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยขึ้นไปแถวระดับ 98.54 ก่อนที่จะปรับตัวลงมาในเช้านี้บริเวณ 98.31 จึงส่งผลให้เช้านี้ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.0936 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.0902 ดอลลาร์/ยูโรในคืนวันศุกร์ ขณะที่ค่าเงินเยนทรงตัวระดับแข็งค่าต่อเนื่องบริเวณ 117.07 เยน/ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในปี 2015 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนมีการประกาศลดค่าเงินหยวนไปแล้วกว่า 4.5% แต่สัปดาห์แรกของปี ธนาคารกลางจีนยังคงประกาศอ่อนค่าเงินหยวนผ่านค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนอีก 1.08% จากระดับ 6.4936 หยวน/ดอลลาร์ ในสิ้นปี 2015 สู่ระดับ 6.5636 หยวน/ดอลลาร์ และภาพรวมค่าเงินหยวนยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่าและเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 6.5865 หยวน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2011

ผลการประกาศข้อมูลภาคแรงงานในคืนวันศุกร์ของสหรัฐฯ พบว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพบว่าข้อมูลการจ้างงานออกมาดีขึ้นเกินคาด โดยปรับตัว 40,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 292,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่มีการปรับทบทวนข้อมูลการจ้างงานขึ้นมาที่ระดับ 252,000 ตำแหน่ง ขณะที่ข้อมูลอัตราการว่างงานยังคงทรงตัวที่ระดับ 5.0%ตามคาค

นักเศรษฐศาสตร์จาก Wells Fargo ระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ปรับตัวสูงขึ้นดีกว่าคาดการณ์ แม้ว่า อัตราค่าแรงยังคงออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ก็ตาม

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงหลายปีข้างหน้า โดยคำกล่าวของนายวิลเลียมบ่งชี้ถึงมุมมองที่สดใสต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมทั้งระบุว่าเฟดได้ดำเนินการอย่างถูกต้องแล้วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนที่ผ่านมา

ดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ประจำเดือนธันวาคม ของจีนปรับตัวลดลงอีก 5.9% เท่ากับเดือนก่อน โดยเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 46 เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว กดดันให้เกิดความกังวลต่อการเติบโตของจีน

ขณะที่ ดัชนีราคาผู้บริโภคจีน(CPI) ปรับตัวสูงขึ้น 1.6% โดยปรับตัวขึ้นกว่าเดือนก่อนเล็กน้อยที่อยู่ ณ ระดับ 1.5% โดยสัญญาณจาก PPI และ CPI ยังคงแสดงถึงสัญญาณการชะลอตัว ขณะที่กลุ่มผู้นำจีน ออกมาประกาศว่า จะสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์และลดกำลังการผลิตส่วนเกินในปีนี้ แต่การชะลอตัวที่ดูจะยืดเยื้อออกไป อาจทำให้กลุ่มผู้นำจีนสามารถบรรลุเป้าประสงค์ได้ยากขึ้น

นาย Zhou Hao นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank AG ระบุว่า ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อยังคงอ่อนแอ โดยการหดตัวต่อเนื่องของ PPI ชี้ให้เห็นว่าภาคเอกชนของจีนจะมีกำไรน้อยลง

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Securities Journal กล่าวว่า จีนจะเผชิญกับความยากลำบากครั้งใหญ่ในการผลักดันให้เศรษฐกิจบรรลุเป้าหมายขยายตัวเหนือระดับ 6.5% ระหว่างปี 2016-2020 ท่ามกลางภาวะอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัว และการเพิ่มขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยในจีน

ทั้งนี้ ทางการจีนมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีจีนไตรมาสที่ 4/2015 และภาพรวมจีดีพีตลอดปี 2015 ในวันที่ 19 มกราคมนี้ ซึ่งคาดว่ารายงานการขยายตัวในปี 2015 จะยังบ่งชี้ถึงภาวะการชะลอของอัตราการขยายตัวที่อาจต่ำกว่า 7%

ธนาคารโลก (World Bank) เตือนว่า ภูมิภาคลาตินอเมริกาควรระมัดระวังความผันผวนทางการเงิน จากการชะลอตัวของคู่ค้ารายใหญ่ ขณะที่ราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ และภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นจากปรากฎการเอลนีโญ จึงทำให้ภาพรวมอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวจนกระทั่งปี 2017

น้ำมันดิบ WTI ปิด -0.3% ที่ระดับ 33.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -0.6% ที่ระดับ 33.55 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานในตลาดที่สูงเกินไป ขณะที่ยังไม่มีแนวโน้มว่ากลุ่มโอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน ท่ามกลางปริมาณน้ำมันที่จะล้นตลาดโลกแล้วก็ตาม