• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 11 มกราคม 2559

    11 มกราคม 2559 | Economic News


ในวันนี้ธนาคารกลางจีน ประกาศ ค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนใกล้เคียงกับระดับเดิม โดยปรับให้แข็งค่าขึ้นเพียง 0.001 หยวน/ดอลลาร์ หรือ แข็งค่าขึ้นเพียง 0.015% เป็นวันที่ 2 วันทำการติดต่อกัน สู่ระดับ 6.5626 หยวน/ดอลลาร์ หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศอ่อนค่าเงินหยวนลงไปถึง 0.07 หยวน/ดอลลาร์ หรือกว่า 1.08%

นาย Ken Cheung นักกลยุทธ์ ประจำ Mizuho Bank Ltd. ระบุว่า ความเชื่อมั่นในตลาดจีนยังคงอ่อนไหวเป็นอย่างมาก ดังนั้นธนาคารกลางจีนจึงพยายามสร้างเสถียรภาพในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโดยการคงค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนไว้ เนื่องจากทางการจีนคงไม่อยากที่จะเผชิญปัญหาทั้งจากค่าเงินและตลาดหุ้นพร้อมๆกัน

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ความผันผวนของตลาดในประเทศจีน ทำให้นักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงลดลง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง แม้ว่าตัวเลข การจ้างงานนอกภาคเกษตรของ     สหรัฐฯ(Non-Farm Payrolls) จะปรับตัวสูงขึ้นในเดือน ธ.ค. แต่ตลาดกลับให้ความสนใจกับจีนมากกว่า โดยล่าสุดตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของจีนปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 46 ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคยังขยายตัวเพียงครึ่งเดียวของเป้าหมายของทางการจีนนาย Matthew Sherwood หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ประจำ Perpetual Ltd. ระบุว่า ตลาดกำลังกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินรวมถึงการชะลอตัวเศรษฐกิจจีน

Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ค่าเงินหยวนน่าจะอ่อนค่าลงจนถึงระดับ 7 หยวน/ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้ (ปัจจุบันอยู่ ณ ระดับ 6.5841 หยวน/ดอลลาร์) โดยค่าเงินหยวนจะได้รับผลกระทบจากการที่ผู้กำหนดนโยบายของจีนพยายามที่จะค่อยๆอ่อนค่าเงินหยวนลงเมื่อเทียบกับตระกร้าเงินของ CFETS ดังนั้นค่าเงินดอลลาร์น่าจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในปีนี้

อัตรากู้ยืมระหว่างธนาคารของค่าเงินหยวนในตลาดฮ่องกง (Offshore Yuan Hibor) โดยแบบข้ามคืนเพิ่มขึ้นจาก 4.0055% ในคืนวันศุกร์ สู่ระดับ 13.396% ในวันนี้ ขณะที่แบบ 3 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 6.333% สู่ระดับ 7.242%

นาย Philip Wee นักเศรษฐศาสตร์ค่าเงินอาวุโส จาก DBS Bank กล่าวว่า ตลาดมีความกังวลค่อนข้างมากว่าค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์จะอ่อนค่าลงจนทำ New-High อย่างไรก็ตาม Hibor เป็นตราสารที่มีความผันผวนเป็นอย่างมากอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่มันปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างมาก ซักพักน่าจะกลับมาปรับตัวลดลง

ราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในบ่ายวันนี้ โดยลดลง 2.47% สู่ระดับ 32.34 เหรียญ/บาร์เรล เป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกัน 6 วันทำการ ทั้งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 10.5% เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดเพิ่มสูงขึ้น

นักวิเคราะห์จาก Nomura Holdings Inc. และ UBS Group AG คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงสู่ระดับใกล้ 30 เหรียญ/บาร์เรล


บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับน้ำมันและแก๊ส Rystad Energy เผยจุดคุ้มทุนในการผลิตน้ำมันของประเทศต่างๆดังรูปข้างต้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มประเทศในตะวันออกกลางมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าในยุโรป รัสเซีย และสหรัฐฯ เป็นต้น


ในวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน รองมกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย กล่าวกับ สำนักข่าว The Economist ว่า ซาอุดิอาระเบียกำลังพิจารณาว่าอาจจะขายหุ้นของบริษัท Saudi Aramco (บริษัทน้ำมันของทางการซาอุดิอาระเบีย) โดยในเบื้องต้นกำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆว่าอาจจะขายหุ้นของบริษัทย่อย หรืออาจจะขายหุ้นของบริษัทใหญ่ซึ่งรวมถึงธุรกิจการผลิตน้ำมันด้วย โดยในเบื้องต้นคาดว่าอาจจะในจำนวนไม่มากนัก โดยอาจขายหุ้นเพียง 5% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เล็กและยังทำให้อำนาจในการตัดสินใจยังคงอยู่กับซาอุดิอาระเบีย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com