• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 14 มกราคม 2559

    14 มกราคม 2559 | Economic News


ในวันนี้เกิดเหตุระเบิดและการยิงต่อสู้กันในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยสถานีโทรทัศน์ของอินโดนีเซียรายงานว่า มีกลุ่มมือปืนอย่างน้อย 14 รายที่ยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งกล่าวว่า มีชาวต่างชาติเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย 1 ราย

ทั้งนี้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีใกล้กับศูนย์การค้าในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียในวันนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 6 ราย ประกอบด้วยตำรวจ 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดของอินโดนีเซียประณามเหตุวางระเบิดในกรุงจาการ์ตา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดอย่างน้อย6 ราย ประกอบด้วยตำรวจและพลเรือน โดย ปธน.อินโดนีเซีย สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไล่ลาจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องและเครือข่ายที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งนี้

ก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ตลาดหุ้นอินโดนีเซียขณะนั้นปรับตัวลดลงอยู่ราว -0.2% และค่าเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย 13,880 รูเปียห์/ดอลลาร์ หลังเหตุดังกล่าว ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงทันทีสู่ระดับ -1.4% และค่าเงินรูเปียห์อ่อนลงสู่ระดับ 13,950 รูเปียห์/ดอลลาร์ (อ่อนจากก่อนเกิดการระเบิด 0.5%)

ธนาคารกลางอินโดนีเซียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 7.25% จากระดับ 7.5% เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

ในวันนี้ธนาคารกลางจีนประกาศค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนใกล้เคียงกับระดับเดิมต่อเนื่องกันเป็นวันทำการที่ 5 โดย 5 วันทำการมานี้ค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนของจีนแข็งค่าขึ้น 0.03 หยวน/ดอลลาร์ (ราว 0.05%) ในวันนี้อยู่ที่ระดับ 6.5616

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีนได้ประกาศอ่อนค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนต่อเนื่อง 8 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. – 7 ม.ค. ซึ่งประกาศอ่อนค่าลงกว่า 1.44% จาก 6.4713 หยวน/ดอลลาร์ สู่ระดับ 6.5646 หยวน/ดอลลาร์

นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนได้แทรกแซงค่าเงินหยวนในตลาด Offshore ก่อนหน้านี้ เป็นไปเพื่อเตือนนักเก็งกำไรที่ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงและรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวน

น้ำมันดิบ Brent ร่วงลงแตะระดับต่ำในรอบ 12 ปี ในการซื้อขายวันนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของอิหร่านที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ท่ามกลางภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นให้ปรับตัวลง

นาย Stephen King ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจอาวุโส ประจำ HSBC ระบุว่า นอกจากราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงจากอุปทานที่ล้นเกินแล้ว ฝั่งอุปสงค์เองก็กดดันราคาน้ำมันเช่นเดียวกัน เนื่องจากการค้าของโลกที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่โดยทั่วไปยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก

นาย Stephen ระบุเพิ่มเติมว่า หากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในปัจจุบันมาจากฝั่งอุปทานเพียงอย่างเดียว คุณจะได้ราคาน้ำมันที่ลดลง แต่รายได้ที่แท้จริงจะเพิ่มสูงขึ้น และการค้าทั่วโลกอาจเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย แต่สถานการณ์ปัจจุบันนอกจากราคาน้ำมันจะลดลงแล้ว แต่การค้าทั่วโลกยังคงอ่อนแอเป็นอย่างมาก

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com