GDP จีนประจำไตรมาสที่ 4/2015 ขยายตัว 6.8% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่อัตราการขยายตัวทั้งปี 2015 อยู่ที่ 6.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 หรือในรอบ 25 ปี และชะลอลงจากอัตรา 7.3% ในปี 2014ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนอื่นๆได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, ยอดค้าปลีก, การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ต่างชะลอตัวลงในเดือน ธ.ค.
นักเศรษฐศาสตร์จาก ANZ ระบุว่า ต้องระมัดเรื่องระดับหนี้ของจีน และภาวะเงินฝืดที่อาจฉุดให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงต่อ และอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ นั่นจะแสดงให้เราเห็นถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนต่อไปอีกหลายๆปีในอนาคต
นักวิเคราะห์จาก Oxford Economics กล่าวว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นจีนเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งเขาประเมินว่า รัฐบาลจีนจะรักษาแนวโน้มการขยายตัวของจีดีพีในปีนี้โดยมีเป้าหมาย 6.5% ด้วยการตัดลดอัตราดอกเบี้ย การปรับลด Ratio สำหรับการกันสำรองสินทรัพย์ หรือแม้แต่การขยายนโยบายทางการเงิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวแสดงความกังวลต่อกลุ่มประเทศน้ำมันที่อาจเริ่มต้นเทขายสินทรัพย์เพื่อชดเชยผลกำไรที่ได้รับจากการส่งออกน้ำมันดิบ และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นด้วยโดยจะเห็นได้ว่า ถึงแม้ปัจจัยพื้นฐานของญี่ปุ่นจะอยู่ในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง และตลาดหุ้นก็ยังคงปรับตัวลดลงจากปัจจัยภายนอกประเทศ
กลุ่มผู้กำหนดนโยบายการเงินของญี่ปุ่น และกลุ่มผู้บริโภคพลังงาน ระบุว่า การทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบจะเอื้อต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เนื่องจากเราจะสามารถใช้แก๊สโซลีนและพลังงานในราคาที่ถูกลง
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน กล่าวว่า การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก ขณะที่กลุ่มผู้กำหนดนโยบายพยายามที่จะสกัดกั้นผลกระทบจากความเปราะบางของตลาดการเงินที่เกิดขึ้น
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแล้วกว่า 70% ขณะที่เริ่มต้นปีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก และทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ปิดปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบปี
อย่างไรก็ดี การร่วงลงหนักของราคาน้ำมันดิบได้ทำให้แนวโน้มเชิงบวกของเศรษฐกิจโลกเลือนรางไป และตอกย้ำถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว จึงอาจส่งผลกระทบให้เกิดการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนทั้งใหญ่ไปทั่วโลก