สรุปถ้อยแถลงของ นายมาริโอ้ ดรากี้ ประธานอีซีบี ในวันนี้ที่งานประชุม World Economic Forum 1.การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นไร้ที่ติ 2.นโยบายทางการเงิน, สถานการณ์ทางการคลัง และ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน สนับสนุนการฟื้นตัวของยูโรโซน 3.ประธานอีซีบี มีมุมมองต่อราคาน้ำมันและการชะลอตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่แย่ลง 4.อีซีบีมีเครื่องมือที่หลากหลาย มีความต้องการและมีความสามารถที่จะดำเนินการต่ออัตราเงินเฟ้อ
สถาบันการเงินระหว่างประเทศ(IIF : Institute of International Finance) รายงานว่า ปี 2015 ที่ผ่านมามีเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จำนวน 7.35 แสนล้านเหรียญ (มากกว่า 26 ล้านล้านบาท) โดยปริมาณเงินไหลออกที่มากที่สุดในรอบอย่างน้อย 15 ปี และมากกว่าปริมาณเงินไหลออกในปี 2014 มากกว่า 7 เท่า
จีนเป็นประเทศที่มีเงินทุนไหลออกมากที่สุด กว่า 6.76 แสนล้านเหรียญ (มากกว่า 24 ล้านล้านบาท) และคาดว่าจะไหลออกในปีนี้อีก 3.48 แสนล้านเหรียญ (มากกว่า 12 ล้านล้านบาท) โดยIIF ระบุว่าการที่เงินไหลออกจากจีนเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจของจีนพยายามลดหนี้สินในสกุลดอลลาร์ลง หลังจากที่กู้ยืมดอลลาร์มาเป็นจำนวนมากเนื่องจากเดิมเคยคาดการณ์ว่าค่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีความกังวลว่าจะอ่อนค่าลง
พร้อมกันนี้ IIF ยังระบุในรายงานว่า ประเทศที่มี 1.ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจำนวนมาก 2.ภาคเอกชนมีหนี้สินในสกุลต่างประเทศสูง และ 3.การดำเนินนโยบายมหภาคมีปัญหา จะเผชิญกับแรงกดดันมากเป็นพิเศษ เช่น บราซิล, แอฟริกาใต้ และ ตุรกี
รัฐมนตรีการเงินของญี่ปุ่น กล่าวในวันนี้ว่า เขากำลังติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากที่ค่าเงินเยน แข็งค่าขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และไม่ควรกังวลต่อราคาน้ำมันที่ลดลง เนื่องจากนั่นเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นกอปรกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งมาก
รายงานล่าสุดจาก The Guardian ระบุว่า นาง คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟคนปัจจุบัน เปิดเผยว่า จะลงชิงตำแหน่งผู้อำนวยการ IMF สมัยที่ 2และรัฐบาลญี่ปุ่นและบีโอเจความร่วมกันสร้างความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถเข้าสู่เป้าหมาย 2% ได้
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้โดยน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ปรับตัวสูงขึ้น 1.06 เหรียญ/บาร์เรล หรือ 3.59% สู่ระดับ 30.59 เหรียญ/บาร์เรล ปรับตัวสู่ขึ้นหลังจากที่เมื่อวานนี้ปิดบวกไปกว่า 4.2% เนื่องจากการช้อนซื้อของกลุ่มนักลงทุน รวมทั้งรายงานที่ระบุว่า กลุ่ม IS ได้ทำการโจมตีคลังเก็บน้ำมันทางตะวันออกของประเทศลิเบีย
ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน และกษัตริย์ซัลมาน แห่งซาอุดิอาระเบีย ร่วมพิธีเปิดโรงกลั่นน้ำมัน ยัสเรฟ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนจดทะเบียนมูลค่า 1,500 ล้านเหรียญ (ราว 5.4 หมื่นล้านบาท) อย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ สะท้อนการขยายบทบาทของจีนในภูมิภาคตะวันออกกลาง และความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและการทูตของซาอุดิอาระเบีย
โดยโรงกลั่นน้ำมันดังกล่าว ตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมยันบู บริเวณทะเลแดง โดยมี อรามโก(Aramco) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียถือหุ้นอยู่ 62.5% และ ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิเคิล คอร์ป (ซิโนเปก) บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของจีน ถือหุ้นส่วนที่เหลือ
ปัจจุบันจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดิอาระเบียมากที่สุดอรามโกเปิดเผยว่า การขยายตัวของธุรกิจเข้าสู่ภาคส่วนการกลั่นน้ำมันและอุตสาหกรรมเคมีเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ที่ต้องการขยายความหลากหลายในนโยบายเศรษฐกิจ ให้ลดการพึ่งพิงการขายน้ำมัน ซึ่งรัฐบาลซาอุดิอาระเบียเร่งดำเนินตามเป้าหมายยิ่งขึ้น หลังเสียรายได้มหาศาลจากราคาน้ำมันที่ลดลง