ที่ประชุม BOJ ปรับอัตราดอกเบี้ยเป็น -0.1% จากเดิม 0.1% ในวันนี้ ด้วยคะแนนโหวด 5-4 เสียง และที่ประชุมเห็นว่าอาจปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีกหากมีความจำเป็น โดยให้เหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ว่า เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อสู่ระดับ 2% ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ขณะที่มีมติ 8-1 ให้คงระดับการใช้มาตรการ QQE ไว้ที่ 80 ล้านล้านเยนต่อปี, การเข้าซื้อกองทุน ETFs ไว้ที่ 3 ล้านล้านเยนต่อปี และ การเข้าซื้อทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (J-REIT) ไว้ที่ 9 หมื่นล้านเยนต่อปี ตามเดิม
ทั้งนี้ BOJ มีความเห็นต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นว่า สามารถขยายตัวได้ปานกลาง จากรายได้และค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง และความไม่แน่นอนในอนาคตของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจจีนส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ ซึ่งอาจทำให้ภาคธุรกิจเกิดความกังวลต่อภาวะเงินฝืด และส่งผลต่อเนื่องกดดันไปยังอัตราเงินเฟ้อในที่สุด
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส จาก PNC Financial Services Group ระบุว่า การที่ BOJ ยกระดับการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มขึ้นอีก เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางแห่งอื่นๆของโลก ยังไม่พร้อมที่จะลดการผ่อนคลายทางการเงินตามเฟด และอาจเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงินเข้ามาอีกในปีนี้
เมื่อวานนี้ นาย Akira Amari รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ประกาศลาออก เนื่องจากเกิดเรื่องอื้อฉาวว่าตัวเขานั้นรับสินบน โดยตัวนาย Akita กล่าวว่า เงินที่เขาได้ทั้งหมดนั้นคือเงินบริจาคทางการเมือง อย่างไรก็ตามตัวเขาและเลขาของเขาเองเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ จึงลาออกจากตำแหน่ง
นาย Akira นั้นเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันนโยบาย Abenomics ของนาย Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และยังเป็นตัวแทนของญี่ปุ่นในการเจรจาข้อตกลง TPP อีกด้วยหลังการลาออกดังกล่าว ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
นักวิจัยจาก Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ Ltd. ระบุว่า การลาออกดังกล่าวอาจทำให้นโยบายAbenomics ชะงักลงไปบ้าง และอาจเป็นเหตุผลให้เข้าซื้อเงินเยนและขายหุ้น
โดยในวันนี้ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเม็ดเงินอีก 1 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดการเงินผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (open market operations) ซึ่งส่งผลให้ยอดรวมการอัดฉีดเงินในช่วงสัปดาห์นี้แตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6.9 แสนล้านหยวน เพื่อรองรับความต้องการใช้เงินของประชาชนที่จะมีขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน
ราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ โดยในสัปดาห์นี้ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วกว่า 5% โดยปรับตัวสูงขึ้นจากความคาดหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถแก้ปัญหาอุปทานน้ำมันล้นตลาดได้โดยราคาน้ำมันดิบ WTI บ่ายวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% สู่ระดับ 33.90 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ถึงแม้ว่าการร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตในตลาดน้ำมันดูจะเป็นไปได้ต่ำมาก แต่เหมือนว่าราคาน้ำมันมีแนวรับที่สำคัญอยู่เหนือระดับ 30 เหรียญ/บาร์เรล กอปรกับปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันที่คาดว่าจะแย่ลงในอีกไม่กี่ สัปดาห์ข้างหน้า ทำให้สถานการณ์ตลาดในน้ำมันค่อนข้างเปราะบาง
นักวิเคราะห์จาก Jefferies ระบุว่า ถึงแม้ความเป็นไปได้ในการปรับลดกำลังการผลิตจะต่ำ แต่หากเกิดขึ้นจริง การปรับลดกำลังการผลิตจากรัสเซียและซาอุดิอาระเบียเพียง 5% ก็เพียงพอที่จะทำให้ตลาดเกือบจะกลับเข้าสู่สมดุล
นักวิเคราะห์จาก Barclays ระบุว่า เขาไม่เชื่อว่าการตัดลดกำลังการผลิตจะเกิดขึ้นจริง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพียงการพยายามทำให้นักลงทุนมีมุมมองต่อตลาดน้ำมันดีขึ้นเท่านั้น และความไม่สมดุลในตลาดน้ำมันก็น่าจะมีอยู่ต่อไป
นักวิเคราะห์จาก Edison Investment Research ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ลงจากระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล สู่ระดับ 40 เหรียญ/บาร์เรล และระบุเพิ่มเติมว่า ตลาดน้ำมันอยู่ในภาวะสับสนวุ่นวายมาแล้ว 16 เดือน และในเดือนมกราคมนี้นั้นมีความอลหม่านมากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในรอบหลายปี
นักวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า ความผันผวนในตลาดน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2009 เนื่องจากนักลงทุนพยายามที่จะประเมินราคาน้ำมันในขณะที่มีความเสี่ยงจากการพยายามปรับลดอุปทานน้ำมัน
สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว ในรัฐบาลญี่ปุ่นว่า จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด มีสัญญาณ บ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมทดสอบการยิงขีปนาวุธระยะไกลภายในหนึ่งสัปดาห์นี้ โดยพบการเคลื่อนไหวในสถานที่ทดสอบยิงขีปนาวุธทงชาง-รี ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ การทดสอบยิงขีปนาวุธระยะไกลของเกาหลีเหนือครั้งล่าสุดก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2555โดยเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถยิงข้ามทวีปได้ ด้านสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ก็รายงานว่า มีความเคลื่อนไหวที่ฐานทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเช่นกัน ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ปฏิเสธไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้ แต่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลีเหนือไม่ได้ออก คำเตือนห้ามการเดินเรือ ซึ่งเกาหลีเหนือมักจะทำก่อนหน้าที่จะทดสอบ ยิงขีปนาวุธระยะไกลในครั้งก่อนๆ ส่วนรองโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวเพียงว่า ญี่ปุ่นจับตามองความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนืออยู่แล้ว
คณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ วุฒิสภาสหรัฐ ผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ด้วยมติเอกฉันท์ เนื่องจากการพัฒนานิวเคลียร์, ปัญหาด้านสิทธิมนุษยธรรม และปัญหาด้านกิจกรรมไซเบอร์ โดยคณะกรรมาธิการฯคาดหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะได้รับการอนุมติ ในการประชุมสมาชิกวุฒิสภาเต็มคณะ ภายในสัปดาห์นี้
ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะคว่ำบาตรใครก็ตามที่มีความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือในด้าน การเพิ่มแสนยานุภาพให้กองทัพเกาหลีเหนือ, การค้าขายสินค้าฟุ่มเฟือย, การละเมิดสิทธิมนุษยชน, กิจกรรมที่ทำลายความปลอดภัยทางไซเบอร์ และ การสนับสนุนโลหะหรือถ่านหินเพื่อให้เกิดกิจกรรมข้างต้น และโทษจากการฝ่าฝืนนั้นรวมถึงไป การยึดทรัพย์, การยกเลิกวีซ่า และการปฎิเสธการติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐฯทั้งนี้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการส่งสัญญาณไปถึงเกาหลีเหนือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรัฐบาลอื่นๆด้วย
นาย Cory Gardner สมาชิกวุฒิสภา พรรครีพับลิกัน หัวหน้าคณะกรรมาธิการย่อยเอเชีย ระบุว่า เราต้องส่งสัญญาณที่รุนแรงไปยั
งจีน