ในวันนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโดยทางการจีน (Official Manufacturing PMI) ประจำเดือน ม.ค. ออกมาปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ออกมา ณ ระดับ 49.4 (เดิม 49.7, คาดการณ์ 49.6) ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่ง (ตั้งแต่ ส.ค. 2012) และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 จุด ติดต่อกันแล้ว 6 เดือน
*ดัชนี PMI ที่ต่ำกว่า 50 จุด แสดงถึงการหดตัว ขณะที่มากกว่าแสดงถึงการขยายตัว
นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ระบุว่า การผลิตไฟฟ้าและเหล็กดิบของจีนชะลอตัวลงต่อเนื่องในเดือน ม.ค. สะท้อนให้เห็นถึงการลดการพึ่งพาภาคอุตสาหกรรมของจีน พร้อมๆกับการที่ทางการจีนยังพยายามลดกำลังการผลิตในหลายๆภาคอุตสาหกรรม จะส่งผลกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโดย Caixin (Caixin Manufacturing PMI) ซึ่งเน้นการสำรวจกับผู้ผลิตขนาดย่อมและขนาดกลาง ซึ่งตรงข้ามกับของทางการซึ่งเน้นผู้ผลิตรายใหญ่ ออกมาดีกว่าคาดแต่ยังคงอยู่ในระดับชะลอตัว(ต่ำกว่า 50) ที่ 48.4 (เดิม 48.2, คาดการณ์ 48.4)
วันนี้ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าตลาดเงินอีก 1 หมื่นล้านหยวน ผ่านธุรกรรม Reverse Repoอายุ 28 วัน อย่างไรก็ตามปริมาณดังกล่าวยังคงนับเป็นปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณที่อัดฉีดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งอัดฉีดเข้าตลาดเงินกว่า 6.9 แสนล้านหยวน
นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวซินหัว มองว่า มาตรการอัตราดอกเบี้ยติดลบของบีโอเจอาจจะช่วยแก้ปัญหาทางโครงสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ไม่มากนัก พร้อมทั้งอาจทำให้เกิดภาวะแข่งขันกันลดค่าเงินเพื่อเป้าหมายทางการค้า ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นอ่อนแรงลง และอาจเป็นอุปสรรคขัดขวางการใช้จ่ายด้านทุน ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของ BOJ ที่ต้องการให้มีเงินทุนหมุนเวียนในประเทศเพิ่มขึ้น
มาตรการดังกล่าวจะเพิ่มแรงกดดันให้กับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆต้องหันมาใช้มาตรการเพื่อฉุดสกุลเงินในประเทศให้อ่อนค่าลงอีก ซึ่งท้ายที่สุดอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลกต้องหยุดชะงักลง
ในวันนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ในตลาด NYMEX ปรับตัวลดลงกว่า 2.6% ลงสู่ระดับ 32.75 เหรียญ/บาร์เรล ในบ่ายวันนี้ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนและเกาหลีใต้ออกมาแย่ลง กอปรกับความคาดหวังในการปรับลดกำลังการผลิตเริ่มหมดไปจากตลาด
Morgan Stanley ระบุว่า ข้อมูลอุปสงค์ที่อ่อนแอของจีน ทำให้ความเสี่ยงในทิศทางขาลงต่อราคาน้ำมันดิบมากขึ้น
Goldman Sachs คาดการณ์ว่าจะไม่เกิดการปรับลดกำลังการผลิตลง เว้นเสียแต่ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้น