MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์กที่ช่วยลดกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตออกไปก่อน โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงมาบริเวณ 97.13 ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นในเช้านี้ที่ระดับ 1.1097 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.0909 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งกลับลงมาที่ระดับ 117.95 เยน/ดอลลาร์

นาย วิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า สถานะทางการเงินของสหรัฐฯมีการตึงตัวมากขึ้น หลังจากที่เฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม และหากภาวะดังกล่าวยังดำเนินต่อไป เฟดจะต้องนำปัจจัยดังกล่าวไปพิจารณาในการประชุมวาระถัดไปในเดือนมีนาคม ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวที่อ่อนแอของเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ เชื่อว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขานิวยอร์ก เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจไม่ทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมนี้

ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ พบว่า ภาคการจ้างงานของเอกชนในเดือนมกราคมขยายตัวขึ้นเกินคาดแตะระดับ 205,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในเดือนธันวาคมมีการปรับทบทวนข้อมูลการจ้างงานเพิ่มขึ้น 10,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 267,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี จึงยังสะท้อนถึงภาคการขยายตัวของตลาดแรงงานในช่วงเริ่มต้นปีนี้

ขณะที่ ISM เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการประจำเดือนมกราคม พบว่า ชะลอตัวลงแตะระดับ 53.5 ซึ่งเป็นระต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่เมษายน 2014

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า กิจกรรมภาคบริการที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ บ่งชี้ให้เห็น ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงเริ่มต้นไตรมาสแรก แม้ว่าตลาดแรงงานจะมีการขยายตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ปริมาณความต้องการทั่วโลกที่เบาบางลง และการลดลงของสต็อกสินค้าคงคลัง จึงกดดันภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรมการส่งออก ขณะที่การปรับลดค่าใช้จ่ายในภาคพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรุดตัว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วย

นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าวว่า การชะลอตัวของดัชนีภาคาบริการ อาจสร้างความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2016

ผลการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนประจำเดือนมกราคมขยายตัวได้เพียง 53.6 จากระดับ 54.3 ซึ่งข้อมูลล่าสุดเป็นการขยายตัวแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากกิจกรรมภาคธุรกิจในภูมิภาคได้รับผลกระทบจากภาวะผันผวนในตลาดการเงิน

อย่างไรก็ดี ข้อมูลดังกล่าว ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนมีการขยายตัวได้เพียง 0.4% ในช่วงเริ่มต้นปี เมื่อเทียบรายไตรมาส

น้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นกว่า 2 เหรียญ โดยปิด +8% ที่ระดับ 32.28 เหรียญ/ดอลลาร์ ขณะที่ น้ำมันดิบ Brent ปิด +7.1% ที่ระดับ 35.04 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่รัสเซียส่งสัญญาณว่า พร้อมที่จะเปิดช่องทางการเจรจากับกลุ่มโอเปกเพื่อร่วมมือกันผลักดันให้ราคาฟื้นตัว จึงหนุนให้ราคาน้ำมันฟืนตัว และสกัดปัจจัยลบจากการที่ EIA เปิดเผยว่า ข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดกว่า 7.8 ล้านบาร์เรล ที่ระดับ 502.7 ล้านบาร์เรล

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า หากกลุ่มโอเปก และผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นมีความเห็นตรงกันที่จะจัดประชุมเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ รัสเซียก็พร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมและพร้อมที่จะร่วมมือในรูปแบบต่างๆ ท่ามกลางการทรุดตัวอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ