ดัชนีดาวโจนส์ปิด +0.49% ที่ระดับ 16,416.58 จุด เพราะได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบและอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากมุมมองที่ว่าการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ อาจช่วยกระตุ้นราคาในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และผลกำไรของบริษัทข้ามชาติให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.49% โดยปรับลงกว่า 245.46 จุด ที่ระดับ 16,790.53 จุด หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า จึงส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าแตะระดับ 116 เยน/ดอลลาร์ และทำให้เกิดแรงเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มส่งออก และทำให้ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดร่วงตาม
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50 – 35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ตลาดจับตาคือข้อมูลการจ้างงานภาคการเกษตรและข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯที่จะเปิดเผยในค่ำคืนนี้
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ม.ค.59 อยู่ที่ระดับ 75.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนจากหลายปัจจัยลบ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับคาดการณ์ GDPปี 59 มาอยู่ที่ 3.7% จากเดิมที่คาดไว้ 3.8%, การส่งออกของไทยในปี 58 ติดลบ 5.78%, ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ, เงินบาทปรับตัวอ่อนค่า ความกังวลต่อปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูง
ADAVANC เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) ในปี 2559 จะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ เป็นผลมาจากการปิดบริการโครงข่าย 2G แต่ชดเชยด้วยการเติบโตจากรายได้ 3G และ 4G และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยรายได้จากการขายเครื่องโทรศัพท์จะใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้ โดยมีอัตรากาไร 3-4% โดยที่ต้นทุนแคมเปญการแลกเครื่องโทรศัพท์จะบันทึกในค่าใช้จ่ายการตลาด