ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังจะเป็นตลาดหมี โดยดัชนี MSCI’s All-Country World Index ปรับตัวลดลงแล้วกว่า 18% นับจากจุดสูงสุดเดือน พ.ค. ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกกดดันตลาดการเงิน *ทั้งนี้การปรับตัวลดลงมากกว่า 20% หมายถึงการเข้าสู่ภาวะขาลง (ตลาดหมี)
มาตรวัดความผันผวนของ JPMorgan Chase & Co. ระบุว่า ความผันผวนของค่าเงินทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 11.77%
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 115 เยน/ดอลลาร์ แข็งค่าที่สุดในรอบมากกว่า 1 ปี และ มาตรวัดผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่นปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 0% เป็นครั้งแรก เนื่องจากความต้องการพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก โดยผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี ปรับตัวลดลง 4.5 เบสิสพ๊อยท์ (0.045%) สู่ระดับ -0.225% และพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -0.005%
ตลาดหุ้นเอเชียบางส่วนยังคงปิดทำการในวันนี้เนื่องในเทศกาลตรุษจีน อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ เวียดนาม มาเลเซีย และ สิงคโปร์
ดัชนีนิกเกอิร่วง 918.86 หรือ 5.4% ปิดที่ 16,085.44 จุด ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งจุดปะทุให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความกังวลของภาคธนาคารยุโรป ทำให้นักลงทุนกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
โดยดัชนี MSCI's broadest index of Asia-Pacific shares outside Japan ปรับตัวลดลง 1.2% นำโดยตลาดหุ้นออสเตรเลียที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2ปีครึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก ANZ ระบุว่า มุมมองต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นทิศทางขาลงอย่างมาก และระบุถึงถ้อยแถลงของประธานเฟดในสัปดาห์นี้ว่านางเยลเลน จะต้องแสดงถึงมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจ แต่จะต้องไม่ดีเกินไป เนื่องจากมันง่ายมากที่ตลาดจะตีความเกินจริงและทำให้ปัจจัยในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เอื้ออำนวย
สำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดหุ้นยุโรปถูกคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารจะกดดันตลาดต่อเนื่องในวันนี้
ทั้งนี้หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปปรับตัวลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ โดยดัชนี The STOXX Europe 600 banking index ปรับตัวลดลงกว่า 5.6% และปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า 24% ในปีนี้ นำโดย Deutsche Bank ที่ปรับตัวลดลง 9.5%
หัวหน้านักกลยุทธ์จาก IG ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของ Credit Spreads และการที่นักลงทุนกำลังจับตามองCredit Default Swaps (เครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้) จะทำให้แรงกดดันจะยังคงอยู่ต่อเนื่องไปอีกซักระยะ
ธนาคารออมสิน เผย ซอฟท์โลน 50,000 ล้านบาท เต็มวงเงินแล้ว เม็ดเงินกระจายสู่ผู้ประกอบการรายย่อยร่วม 9,700 ราย เผย ธนาคารกรุงเทพ เบิกใช้วงเงินอันดับ 1 กว่า 12,000 ล้านบาท
Thai
Eng