ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาเมื่อคืนนี้ โดยปิดตลาด Comex -0.33% ที่ระดับ 1,194.6 เหรียญ/ออนซ์ โดยกลุ่มโลหะมีค่าได้รับแรงกดดันจากการที่ประธานเฟด ระบุว่า ความไม่มีเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ แต่เธอกล่าวย้ำว่า การจ้างงานที่แข็งแกร่ง และค่าแรงที่ปรับตัวขึ้นยังถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเธอยังคงย้ำกว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามคาด
นักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์ก ระบุว่า เช้านี้ทองคำปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 8 เดือน โดยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5% ขึ้นไปที่ระดับ 1,214.64 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 22 พฤษภาคมปี 2014 ก่อนที่จะย่อลงมาบริเวณ 1,209.75 เหรียญในตลาดสิงคโปร์ และนับเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งที่ 9 ในรอบ 10 วัน ขณะที่ภาพรวมตลอดปีนี้ ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 14% จากความผันผวนของตลาดการเงินทั่วโลกที่กระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
นักวิเคราะห์จาก เอฟเอ็กซ์สตรีท ระบุว่า ราคาทองคำเช้านี้สามารถยืนเหนือ 1,200 เหรียญได้อีกครั้งจากระดับปิดตลาดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกและการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นอานิสงค์เชิงบวกต่อราคาทองคำ จึงทำให้เราเห็นปริมาณการเข้าถือครองทองคำในฐานะ Safe-Heaven และเชื่อว่าหากทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,215 เหรียญได้ ก็มีโอกาสกลับขึ้นทดสอบ 1,230 เหรียญ และ 1,250 เหรียญตามลำดับ แต่หากทองคำไม่สามารถยืนเหนือ 1,200 เหรียญได้ ก็มีโอกาสกลับลงมาทดสอบแนวรับ 1,190 เหรียญ และ 1,180 เหรียญตามลำดับ
นักวิเคราะห์จากซินหัว ระบุว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทำให้มีการลดการถือครองสินทรัพย์ Safe-Heaven จึงสร้างแรงกดดันทำให้ราคาทองคำมีการปรับตัวลงมา แต่หนุนการเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นแทน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เชื่อว่า ถึงแม้ว่าเฟดจะเปิดกว้างต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามกำหนดการในเดือนมีนาคมนี้ แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้มากกว่า จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินจึงอาจช่วยหนุนให้ทองคำฟื้นตัว