MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ไม่สามารถทำให้นักลงทุนเปลี่ยนความคิดได้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แม้ว่าประธานเฟดจะย้ำถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวลงมาบริเวณ 95.618

ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเหนือระดับ 1.1300 ยูโร/ดอลลาร์ โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.1314 ยูโร/ดอลลาร์ ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2014 ที่ระดับ 113.49 เยน/ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ ก่อนที่เช้านี้จะปรับแข็งค่าลงแตะ 112.58 เยน/ดอลลาร์

เมื่อคืนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์การดำเนินนโยบายการเงินครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ภาวะตึงตัวของตลาด ความผันผวนของตลาดการเงิน และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน ก็อาจสร้างความเสี่ยงต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเธอไม่คาดว่าคณะกรรมาธิการของเฟดจำเป็นจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสถานการณ์เช่นนี้

นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากภาวะชะลอตัวและการขยายตัวของตลาดการเงินทั่วโลก อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการชะลอตัวได้ แต่เธอคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯทีขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอาจทำให้เฟดยังคงทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากโรเบอร์โต เพอร์ลิ กล่าวว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดแสดงให้เห็นว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดยังคงมีอยู่ แต่ตลาดการเงินจะต้องมีเสถียรภาพก่อนเราจึงจะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว

นักวิเคราะห์จาก บีเอ็นพี พาริบาร์ส ระบุว่า เฟดกำลังเฝ้ารอเพื่อพิจารณาผลกระทบจากความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้นจึงไม่น่าที่จะเห็นเฟดทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเร็วๆนี้

อย่างไรก็ดี ในค่ำคืนนี้ ประธานเฟดยังคงมีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงการดำเนินนโยบายการเงินต่อคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯในช่วงเวลา 22.00น. ตามเวลาไทย

น้ำมันดิบ WTI ปิด -1.8% ที่ระดับ 27.45 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.7% ที่ระดับ 30.84 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ EIA เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล สู่ระดับ 502 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ลดลงเพียง 28,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.186 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์เช่นกัน