ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด – 1.6% โดยปรับตัวลงกว่า 254.56 จุด ที่ระดับ 15,660.18 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิด -3.7%ที่ระดับ 303.58 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่กันยายน 2013 เพราะได้รับผลกระทบจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ยังคงสร้างแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางด้านประธานเฟดเมื่อคืนนี้ยังคงกล่าวย้ำถึงความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นเอเชียยังคงปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ จากความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารของยุโรปที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และการชะลอตัวของประเทศจีนและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ โดยเช้านี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด -4.51% โดยปรับตัวลงกว่า 708 จุด ที่ระดับ 15,005.39 จุด ตามการทรุดตัวของตลาดหุ้นทั่วโลก และการแข็งค่าของค่าเงินเยนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00 – 35.30 บาท/ดอลลาร์ โดยยังเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับภูมิภาคจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์
ธปท. คาดภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังมีความเสี่ยงในการขยายตัวด้านต่ำอยู่ค่อนข้างมาก ขณะที่แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้จะมาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ทั้งการบริโภค การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ ขณะที่ด้านการต่างประเทศนั้น การท่องเที่ยวขยายตัวได้ดี แต่การส่งออกน่าจะยังทรงตัว จึงมองว่าการท่องเที่ยวยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน โดยคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 3.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ราว 2.8%
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ รัฐบาลพยายามประคับประคองเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินราว 35,000 ล้านบาท โดยในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ นายกรัฐมนตรีจะ Kick Off ซึ่งถือเป็นเป็นครั้งแรกเป็นประวัติศาสตร์ เพื่อเข้าไปช่วยเศรษฐกิจรากหญ้าไปก่อนให้เกิดความเข้มแข็ง
SCCC และบ.ย่อยปี 2558 กำไรที่ 4.58 พันลบ.จากกำไร 5.09 พันลบ.ในปี 2557