ทองคำปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี โดยราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาซิลเวอร์ โดยปัจจุบันทองคำ 1 ออนต์ สามารถซื้อซิลเวอร์ได้ 79 ออนต์ เข้าใกล้ระดับ 84.5 ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2008 แสดงให้เห็นว่าซิลเวอร์ มีฐานะเป็นSafe-Haven ได้ไม่เท่ากับทองคำ โดยอุปสงค์ครึ่งหนึ่งของซิลเวอร์มาจากภาคการผลิตซึ่งได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ
กลุ่มโลหะมีค่าได้รับแรงหนุนจากการที่กลุ่มนักลงทุนกังวลต่อภาวะความปั่นป่วนในตลาดการเงิน และความเป็นที่สภาพเศรษฐกิจจะชะลอตัว รวมทั้งงบดุลในภาคธนาคารต่างๆ จึงหนุนให้ทองคำฟื้นตัวในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่ซิลเวอร์มีปริมาณความต้องการเพียงครึ่งหนึ่งจากภาคการผลิตอุตสาหกรรมเพราะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากทองคำแล้ว ราคาของ Safe-Haven ต่างๆปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 และค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ และมีเงินทุนไหลเข้ากองทุนซึ่งหนุนด้วยทองคำอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้กองทุน ETF ทองคำ ขนาดใหญ่ที่สุด 8 แห่ง เข้าซื้อทองคำรวมกันไปแล้วกว่า 3.8 ล้านออนต์ หลังจากที่เทขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่องใน 3 ปีที่ผ่านมา
ANZ ระบุว่า การหลีกหนีความเสี่ยงของนักลงทุนได้ทำให้ทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุดในปีนี้
นักวิเคราะห์จาก Standard Bank ระบุว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,300 เหรียญได้ หากราคาหุ้นยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า ความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งแสดงถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก มีส่วนช่วยหนุนราคาทองคำในสัปดาห์นี้ โดยแม้จากประธานเฟด ยังแสดงถึงความต้องการในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่นักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สเห็นว่าความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ปรับตัวลดลงไป
CEO จาก DoubleLine Capital ระบุว่า ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1,400 เหรียญได้ หากนักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อธนาคารกลาง
นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ทองคำจะมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,244.3 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ยราย 1 ชั่วโมง (10-SMA) และแนวต้านถัดไป 1,250 เหรียญ (ระดับสำคัญทางจิตวิทยา) ขณะที่แนวรับด้านล่างจะอยู่บริเวณ 1,235.45 เหรียญ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยราย 1 ชั่ว (10-SMA) และหากราคาหลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าวจะลงไปทดสอบ 1,214.02 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ยราย 5 วัน