ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +2.00% โดยปรับขึ้นกว่า 313.66 จุด ที่ระดับ 15,973.84 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิด +2.9%ที่ระดับ 312.41 จุด และเช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด +4.31% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 644.9 จุด ที่ระดับ 15,597.51 จุด โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบหลังกลุ่มโอเปกพร้อมเจรจากับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบรายอื่นเพื่อปรับลดกำลังการผลิต ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยเฉพาะของยุโรป หลังจากดอยซ์แบงก์เตรียมซื้อคืนหุ้นกู้บางส่วน จึงหนุนให้ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ปรับตัวขึ้นกว่า 10%
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30 – 35.60 บาท/ดอลลาร์ หลังจากที่วันศุกร์อ่อนค่าไปมากจากระดับตอนเช้า เนื่องจากมีเจ้าใหญ่มาซื้อดอลลาร์ จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าไปมาก
สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งวันอยู่ที่ 104,531 ล้านบาท ด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด 2 อันดับแรก คือ 1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซื้อสุทธิ 10,493ล้านบาท 2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ ซื้อสุทธิ 2,679 ล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 12,871 ล้านบาท Yield พันธบัตรอายุ 5 ปี ปิดที่ 1.78% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.03%
ธปท. เชื่อว่า การปล่อยสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2559 จะขยายตัวได้ดีกว่าปี 2558 เนื่องจากจะมีการปล่อยสินเชื่อทั้งในส่วนการประมูล 4G และโครงการลงทุนภาครัฐ ซึ่งสอดคล้องกับการขยายตัวเศรษฐกิจในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3.5% สูงขึ้นจากปีก่อน ขณะที่คาดว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะค่อยๆ ทยอยปรับลดลง
โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา ระบบธนาคารพาณิชย์มีเสถียรภาพ เงินสำรองและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง แม้ว่าสินเชื่อจะขยายตัวชะลอลง และคุณภาพสินเชื่อด้อยลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่กำไรจากการดำเนินงานยังขยายตัวในเกณฑ์ดี แม้กำไรสุทธิจะลดลงจากการกันสำรองเพิ่มขึ้น
กทบ. มีมติเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ เพื่อเป็นกลไกในการติดตามสนับสนุนโครงการฯ ซึ่งจะมีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ขณะที่ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ออกระเบียบการดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐวงเงิน 35,000 ล้านบาท