ตลาดหุ้นยุโรปปิด +3% ที่ระดับ 321.76 จุด จากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มการเงิน รวมทั้งถ้อยแถลงของประธานอีซีบีที่ส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเดือนหน้า
ขณะที่เช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด -1.08% โดยปรับตัวลง 173.11 จุด ที่ระดับ 15,849.47 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายทำกำไร หลังดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 7.2% เมื่อวานนี้ ก่อนที่ในช่วงเวลาประมาณ 08.00น. จะสามารถกลับมา +0.23%ที่ระดับ 16,048.62 จุด
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ คาดว่า ตลาดหุ้นเอเชียจะทรงตัวและมีการปรับขึ้นเล็กน้อย หลังจากค่าเงินหยวนและตลาดหุ้นส่งสัญญาณมีเสถียรภาพ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมีการรีบาวน์ และข้อมูลภาคอุปโภคบริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯจึงช่วยสกัดแรงเทขายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้ตลาดการเงินและตลาด COMEX ปิดทำการในวัน President’s Day
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.50-35.75 บาท/ดอลลาร์ โดยหลังจากที่เมื่อวานไม่สามารถผ่าน 35.70 บาท/ดอลลาร์ได้ คาดว่ามีโอกาสลงต่อ
สศช. หรือสภาพัฒน์ ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย(GDP)ในปี 59 ที่เดิมคาดเติบโตราว 2.8-3.8% หรือมีค่ากลางราว 3.3% ซึ่งลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 3.0-4.0% จากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
สบน. เผย สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 31 ธันวาคม 2558 มีจำนวน 6,005,124.74 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.36 ของ GDP โดย GDP ปี 2558 เท่ากับ 13,537 พันล้านบาท (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ 15 กุมภาพันธ์ 2559) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นสุทธิ 29,358.39 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ในโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำและถนน มูลค่า 8 หมื่นล้านบาทว่า คาดว่าในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.2559 จะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 1.03 หมื่นล้านบาท จากที่ผ่านมาเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 4 หมื่นล้านบาท และยังเหลืออีก 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยเบิกจ่ายให้ครบภายในปีงบประมาณ 2559 นี้