ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ จากความกังวลที่ว่าอังกฤษอาจออกจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกของอียู โดยที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.4057 ปอนด์/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคมปี 2009 โดยร่วงลงกว่า 2% ซึ่งเป็นการร่วงลงระดับวันที่มากที่สุดในรอบเกือบ 6 ปี ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เช้านี้ทรงตัวระดับ 97.35
ด้านค่าเงินยูโรเช้านี้อ่อนค่าลงมาบริเวณ 1.1034 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1132 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยบริเวณ 112.55 เยน/ดอลลาร์
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในคืนวันศุกร์ของสหรัฐฯ พบว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ประจำเดือนมกราคมขยายตัวขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.0% จากระดับ -0.1% ในเดือนธันวาคม ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคที่ไม่รวมภาคอาหารและพลังงาน (Core CPI) ปรับตัวขึ้นเกินคาดเช่นกันที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.1% ในเดือนก่อนหน้า และทำให้ภาพรวมเมื่อเทียบรายปีปรับตัวขึ้นแตะ 2.2% ซึ่งเป็นระดับการปรับตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012
เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯจะเรียกร้องให้กลุ่ม จี-20 ใช้นโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนอุปสงค์ระดับโลก ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง และอาจลดความผันผวนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยกลุ่ม จี-20 จะมีการประชุมกันในช่วงปลายสัปดาห์นี้
นายบอริส จอห์นสัน ผู้ว่าการนครลอนดอน ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาจะรณรงค์ให้อังกฤษออกจากอียูก่อนการลงประชามติ ที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวเป็นการสร้างแรงกดดันต่อความพยายามของ นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ต้องการให้อังกฤษดำรงอยู่ในอียูต่อไป
รายงานจาก Investing ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษออกจากอียูส่งผลให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง ขณะที่กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ได้รับอานิสงค์จากความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกจะตรึงกำลังการผลิต
เมื่อวานนี้ น้ำมันดิบ WTI ปิด +6.2% ที่ระดับ 31.48 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +5.1% ที่ระดับ 34.69 เหรียญ/บาร์เรล ขานรับรายงานของ EIA ที่คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบ Shale Oil ของสหรัฐฯ จะปรับตัวลง 600,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ ขณะที่ปี 2017 คาดจะปรับตัวลงอีก 200,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่บริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ เผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 9 แตะระดับ 413 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2009
นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า หากน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 6% และมีระดับเป้าหมายถัดไปบริเวณ 34.82 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมในวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งหากผ่านไปได้มีโอกาสทดสอบ 35.48 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย Fibonacci 76.4% และมีเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญระดับราย 100 วันบริเวณ 37.61 เหรียญ/บาร์เรล
ในทางกลับกันหากน้ำมันดิบ WTI หลุดต่ำกว่า 30.46 เหรียญ/บาร์เรล มีโอกาสกลับลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิมของเดือนบริเวณ 28.70 เหรียญ และ 26.05 เหรียญตามลำดับ