• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559

    24 กุมภาพันธ์ 2559 | Economic News




ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐฯ และความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่อังกฤษอาจถอนตัวออกจากอียู โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวขึ้นแตะ 97.49

ด้านค่าเงินยูโรยังปรับอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.1006 ดอลลาร์/ยูโรในเช้าวันนี้ จากระดับ 1.1026 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่เมื่อวานลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1.0987 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นการหลุดต่ำกว่าระดับ 1.10 ดอลลาร์/ยูโรเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 สัปดาห์

ขณะที่ค่าเงินปอนด์ยังได้รับผลกระทบจากกระแสคาดการณ์ผลการลงประชามติของอียู จึงยังเคลื่อนไหวแถวระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี และเป็นการร่วงลงมากที่สุดติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ปิดที่ระดับ 1.403 ดอลลาร์/ปอนด์

ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์เช้านี้ในฐานะ Safe-Heaven หลังนักลงทุนส่วนใหญ่ลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง โดยเช้านี้ลงไปแตะระดับ 111.75 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะขึ้นมาทรงตัวแถว 111.98 เยน/ดอลลาร์ในช่วงเวลาประมาณ 08.20น.

ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์ชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ระดับ 92.2 เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ จึงฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลง รวมทั้งเงื่อนไขทางการเงิน

ขณะที่ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนมกราคมออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 5.47 ล้านยูนิต โดยปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 20,000 ยูนิต หรือคิดเป็น 0.37% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และข้อมูลยอดขายในเดือนมกราคมนั้นถือเป็นการปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2007 จึงยังส่งสัญญาณความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัว และเงื่อนไขของตลาดการเงินที่ประสบภาวะตึงตัว

นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการบีโออี กล่าวว่า บีโออีกำลังเตรียมแผนฉุกเฉินสำหรับผลกระทบที่จะได้รับ หลังการจัดทำประชามติเกี่ยวกับการถอนตัวออกจากอียูในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินปอนด์ ณ ขณะนี้ เกิดจากความไม่แน่นอนของผลการลงประชามติ เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่สก็อตแลนด์เกี่ยวกับการแยกตัวออกจากอังกฤษในปี 2014

อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้นำภาคธุรกิจของอังกฤษกว่า 200 คน เรียกร้องให้อังกฤษยังคงอยู่ในอียูต่อไป เนื่องจากการออกจากอียูจะสร้างความเสี่ยงต่อภาคการลงทุน การจ้างงาน และภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษ

น้ำมันดิบ WTI ปิด -4.6% ที่ระดับ 31.87 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -4.1% ที่ระดับ 33.27 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากซาอุดิอาระเบียยังไม่มีแผนลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ขณะที่รายงานจาก IEA คาดการณ์ว่า เป็นเรื่องยากที่จะเห็นราคาน้ำมันฟื้นตัวในระยะอันใกล้นี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย ปฏิเสธที่จะร่วมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ขณะที่การตรึงราคาน้ำมันดิบในระดับเดือนมกราคมนั้น ถือเป็นระดับใกล้เคียงกับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จึงทำให้กลุ่มผู้ผลิตส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะไม่ทำการเพิ่มปริมาณการผลิต

การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อกระตุ้นราคาน้ำมันจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ควรใช้วิธีให้ราคาปรับตัวขึ้นตามกลไกตลาด แม้ว่าจะส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันบางรายจะต้องปิดกิจการก็ตาม

ขณะที่ นักเรียนชาวอิหร่านกล่าวกับ ISNA โดยระบุว่า ประเทศเพื่อนบ้านเรามีการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของพวกเขาแตะระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วันในไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งปริมาณการส่งออกด้วยเช่นกัน ซึ่งหากจะตรึงกำลังการผลิตก็ต้องตรึงกำลังการผลิตเท่ากันที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล/วัน แต่จะเห็นได้ว่าพวกเขาจะทำการตรึงปริมาณการผลิตของตนไว้ที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรล ในขณะที่อิหร่านต้องตรึงไว้ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรล นั่นจึงเป็นเงื่อนไขที่น่าตลกสิ้นดี


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com