ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ ที่ช่วยหนุนความต้องการในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเช้านี้บริเวณ 97.31 ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ทรงตัวระดับ 1.1053 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้อ่อนค่ามาบริเวณ 112.83 เยน/ดอลลาร์
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงออกมาในเชิงบวก โดยข้อมูลยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนมกราคมออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 4.9% จากเดิมที่ระดับ -5.0% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2015 ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมภาคการขนส่งปรับตัวขึ้นเกินคาดเช่นกันแตะระดับ 1.8%จากระดับ -1.0% โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2014 โดยข้อมูลดังกล่าวถือเป็นการบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มการผลิตที่ขยายตัว
ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดแตะระดับ 272,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 10,000 รายเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งถึงแม้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย อย่างต่อเนื่องและยาวนานที่สุดเป็นสัปดาห์ที่ 50 แล้ว
นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง และถึงแม้ว่าเฟดจะระบุถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ แต่กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของเฟด ส่งผลให้นักลงทุนประเมินว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนี้
อย่างไรก็ดี ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวแย้งกับรายงานของ Citi Group โดยระบุว่า โอกาสที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมีไม่มากนัก
รายงานของ Citi Group ระบุว่า มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากความอ่อนแอทางด้านปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะตลาดสินทรัพย์ต่างๆ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีน และกลไกอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ยั่งยืน รวมทั้งความเสี่ยงที่อังกฤษอาจถอนตัวจากอียู จึงคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้เพียง 2.5%
ขณะที่ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 3.4% ในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 3.1% ในปี 2015
ผลการประกาศข้อมูลเงินเฟ้อประจำเดือนมกราคมของยูโรโซน ออกมาแย่กว่าที่คาดแตะระดับ 0.3% จากเดิมที่ระดับ 0.4% ซึ่งการปรับตัวลงดังกล่าวอาจส่งผลให้อีซีบีออกมาตรการเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมเดือนหน้า เพื่อผลักดันเงินเฟ้อให้เข้าสู่เป้าหมาย 2%
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของจีน กล่าวว่า กลุ่มประเทศสมาชิกจี-20 จะต้องเร่งประสานนโยบายเพื่อจัดการกับความเสี่ยงในช่วงขาลงในเศรษฐกิจโลก และเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดโลก ซึ่งกลุ่มจี-20 มีกำหนดการประชุมในวันนี้และวันพรุ่งนี้
น้ำมันดิบ WTI ปิด +2.9% ที่ระดับ 33.07 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ Brent ปิด +2.6% ที่ระดับ 35.29 เหรียญ/บาร์เรล หลังเวเนซูเอล่ายืนยันเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในช่วงกลางเดือนมีนาคม ประกอบไปด้วย รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์