ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.11% ที่ระดับ 17,535.39 จุด หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังออกมาในเชิงบวก ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เฝ้ารอถ้อยแถลงของประธานเฟดในค่ำคืนนี้ รวมทั้งข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯที่จะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ ขณะที่เช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.82% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดเอเชียเช้านี้
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าได้อีก เนื่องจากในช่วงปลายเดือนมักจะมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามามาก ประกอบกับข้อมูลจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาออกมาค่อนข้างดีจึงทำให้ดอลลาร์น่าจะยังแข็งค่าอยู่
ประธานกรรมการ รฟม. เผยว่า คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) จะนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) เข้าที่ประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) วันนี้ ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ฝั่งตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี จะเลื่อนไปเสนอที่ประชุม ครม.ในวันอังคารหน้า (5 เม.ย.) เนื่องจากได้มีการปรับลดวงเงินลงทุนลง 2 พันล้านบาท เหลือ 9.2 หมื่นล้านบาท จากเดิม 9.4 หมื่นล้านบาทซึ่งหลังจาก ครม.อนุมัติก็คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายใน 3 เดือน หรือประมาณเดือน มิ.ย.59 เพื่อจัดทำร่างประกวดราคาและหาราคากลาง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย กล่าวภายหลังหารือกับนาย David Martin สมาชิกรัฐสภายุโรปว่า ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยเฉพาะที่ผ่านมารัฐสภายุโรปมีบทบาทสำคัญต่อนโยบายการต่างประเทศของสหภาพยุโรป โดยเน้นเรื่องการเชื่อมโยงประเด็นทางการเมือง สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย กับประเด็นด้าน เศรษฐกิจการค้ามากยิ่งขึ้น
ขณะที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 ในด้านต่างๆ ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาค่อนข้างมาก อาทิ มาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวและการรับประทานอาหาร วงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทให้ ครม.พิจารณา โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมไว้ไม่จำเป็นต้องเสนอให้ ครม. พิจารณาพร้อมกันทั้งหมด คงเป็นการทยอยเอาเข้า ส่วนจะเข้าตอนไหนคงต้องรอตามความเหมาะสม
โดยทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสม แต่เชื่อว่ามาตรการที่เตรียมไว้จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยสาระของมาตรการจะช่วยประชาชนลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึงมาตรการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายภายในประเทศ สำหรับกลุ่มที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยแต่ยังชะลอไว้อยู่