ค่าเงินดอลลาร่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่ายังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวลงมาบริเวณ 95.12 ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ปรับตัวขึ้น 1.1296 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1206 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้แข็งค่าบริเวณ 112.59 เยน/ดอลลาร์
เมื่อคืนนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลง ณ Economic Club of New York โดยระบุว่า เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฟดกำลังจับตาไปยังผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ และความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น ว่าจะส่งผลกระทบเช่นไรต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ประธานเฟดไม่ได้ ระบุถึงกำหนดเวลาที่เฉพาะในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
ด้าน นายโรเบิร์ต เคปแลนด์ ประธานเฟดสาขาดัลลัส สนับสนุนถ้อยแถลงของประธานเฟด โดยเขาระบุว่า เฟดควรพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ด้าน นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก กลับย้ำว่า เฟดควรดำเนินตามแผนนโยบายคุมเข้มทางการเงิน
ด้านผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม พบว่าขยายตัวขึ้นเกินคาดแตะระดับ 96.2 ขณะที่ในเดือนก่อนหน้าปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 94.0
น้ำมันดิบ WTI ปิด -2.8% ที่ระดับ 38.29 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -2.8% เช่นกัน ที่ระดับ 39.14 เหรียญ/บาร์เรล โดยปรับตัวลงหลังจาก API เผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่ EIA จะเปิดเผยรายงานประจำสัปดาห์ในคืนนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดจะออกมาสูงขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดยังคงกังวลต่อการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบในวันที่ 17 เมษายนนี้ หลังจากที่ลิเบียและอิหร่านอาจไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว จึงอาจลดประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้นจากการประชุม