ทองคำทรงตัวหลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยมีแรงซื้อกลับหลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และประธานเฟดมีท่าทีระมัดระวังต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดยประธานเฟดกล่าวถ้อยแถลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่เฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องพิจารณาจากการขยายตัวของเงินเฟ้อ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯจะได้รับจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นเฟดจึงควรระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า ทองคำตอบรับกับแนวทางการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหากเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะสร้างแรงกดดันต่อทองคำ ขณะที่หนุนค่าเงินดอลลาร์ โดยจะเห็นได้ว่าราคาทองคำปรับตัวลงกว่า 3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความคิดเห็นในเชิงคุมเข้มทางการเงิน
นักวิเคราะห์จาก MKS Group ระบุว่า ราคาทองคำอ่อนตัวเพราะได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไรบางส่วนหลังจากที่ราคาปรับขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่การเคลื่อนไหวของทองคำยังคงเป็นลักษณะ Consolidate ที่ระดับประมาณ 1,235 – 1,240 เหรียญ
ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวว่า ทองคำอาจได้รับความเสี่ยงในทิศทางขาลง โดยต้องจับตาการประกาศข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์จาก HSBC ระบุว่า การฟื้นตัวของทองคำในขณะนี้อาจได้รับผลกระทบจากข้อมูลการจ้างงาน หากข้อมูล Non-Farm Payrolls ออกมาดีเกินคาดในเดือนมีนาคม โดยยืนเหนือ 200,000 ตำแหน่ง
การนำเข้าของจีนจากฮ่องกงปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ระดับ 42.9 ตัน โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเพียงเล็กน้อยประมาณ 17.9 ตัน ขณะที่ข้อมูลการซ้อขายจากสวิสเซอร์แลนด์ พบว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำในเดือนกุมภาพันธ์อ่อนแรงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2012 ขณะที่ยอดส่งออกทองคำสู่จีนสุทธิ 27.2ตันในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปรับลดลงจากระดับ 43.4 ตันในช่วงเดือนแรกของปี
ทั้งนี้ นักวิเศรษฐศาสตร์ประจำ Capital Economics กล่าวว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำสุทธิจากจีนปรับตัวลงในช่วง2 เดือนแรกของปีประมาณ 16% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 16% ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 เดือน