ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนทราบผลการประกาศข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลสหรัฐฯในค่ำคืนนี้ เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวจะมีนัยยะต่อโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้ทรงตัวบริเวณ 94.62 ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้ขยับขึ้นแตะ 1.1386 ดอลลาร์/ยูโร ก่อนจะย่อลงมาเล็กน้อยที่ระดับ 1.1374 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้ทรงตัวทิศทางแข็งค่าบริเวณ 112.36 เยน/ดอลลาร์
นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวในเช้าวันนี้เวลาประมาณ 04.00น. โดยเห็นด้วยกับถ้อยแถลงของประธานเฟด เนื่องจากเฟดควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังต่อความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวได้ดี ซึ่งหากสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงขยายดีเช่นนี้ต่อไป เฟดก็จะค่อยๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ผลการประกาศข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาแย่ลงเกินคาดแตะระดับ 276,000 ราย โดยปรับตัวขึ้นประมาณ 11,000 รายเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ข้อมูลล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่าข้อมูลภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 55
สถาบันจัดอันดับ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศจีนและฮ่องกง สู่ระดับเชิงลบ จากระดับมีเสถียรภาพ จากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเงิน รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน และยังคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ที่ระดับ 6% หรือสูงกว่าระดับดังกล่าวทุกปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า แต่ต่ำกว่าเล็กน้อยจากเป้า 6.5% ที่รัฐบาลจีนตั้งเป้าไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี
ขณะที่สถาบันจัดอันดับ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสถาบันการเงินของสิงคโปร์จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ DBS, DBS Group Holdings, OCBC และ UOB สู่ระดับเชิงลบ จากระดับมีเสถียรภาพ จากความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งความสามารถการสร้างผลกำไรของภาคธนาคารดังกล่าว
น้ำมันดิบ WTI ปิด +0.05% ที่ระดับ 38.34 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +0.9% ที่ระดับ 39.60 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดน้ำมันมีภาวะการซื้อขายที่ผันผวน โดยกลุ่มนักลงทุนกำลังจับตาไปยังการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ณ ประเทศกาตาร์ในวันที่ 17 เมษายนนี้