ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังจากสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลค้าปลีกที่ออกมาแย่ลงกว่าที่คาด โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงมาแตะระดับ 94.505 ด้านค่าเงินยูโรยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่า โดยเช้านี้ทรงตัวบริเวณ 1.1399 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1390 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่องลงมาทดสอบ 110.97 เยน/ดอลลาร์
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ พบว่า ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนกุมภาพันธ์ออกมาแย่กว่าที่คาดแตะระดับ -1.7% จากเดิมที่ระดับ 1.2% ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการปรับตัวลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน เพราะได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อภาคธุรกิจที่ปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือนแตะระดับ 2.5% ขณะที่ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ อุปสงค์ที่อ่อนตัวลงจากภายนอกประเทศ และการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบ
นายอีริค โรเซ็นเกร็น ประธานเฟดสาขาบอสตัน กล่าวสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดได้คาดหวังไว้ ขณะที่ตลาดอาจคาดการณ์ผิดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เนื่องจากเป็นการประเมินต่ำเกินไปที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้
นาย นีล คาชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เขารู้สึกพอใจกับการดำเนินนโยบายของเฟดในปัจจุบัน และคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ในระดับปานกลางต่อไป
น้ำมันดิบ WTI ปิด -3% แตะระดับ 35.7 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -2.5% ที่ระดับ 37.69 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องเพราะได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการตรึงกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 17 เมษายนนี้ ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ หลังซาอุดิอาระเบียมีเงื่อนไขว่าจะตรึงกำลังการผลิตต่อเมื่ออิหร่านและประเทศอื่นๆยอมปฏิบัติตาม ขณะที่ลิเบียยืนยันไม่เข้าร่วมการประชุมวาระดังกล่าว และอิหร่านแสดงท่าทีในการคงกำลังการผลิตต่อไปจนกว่าจะแตะระดับเดิมในช่วงก่อนถูกคว่ำบาตร