หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน ระบุว่า ได้ตอบโต้ S&P และ Moody’s ซึ่งปรับลดมุมมองต่อเศรษฐกิจและบริษัทของจีน ว่ามองจีนในแง่ร้ายเกินไป
โดยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของจีนแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์, กำไรของภาคอุตสาหกรรมพลิกกลับมาเป็นบวกได้ใน 2 เดือนแรกของปี และ PMI ในเดือน มี.ค. เองก็ฟื้นตัวเช่นกัน
IMF ระบุว่า การชะลอตัวของจีน จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
IMF ระบุว่า ความกังวลต่อเศรษฐกิจจีนมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงทั้งในสหรัฐฯและประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
โดยจากการคำนวณของ IMF ระบุว่า ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ (จีน, บราซิล, อินเดีย, รัสเซีย, แอฟริกาใต้) ได้ส่งผลกระทบมากขึ้น 40% นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008 ต่อกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่แห่งอื่นๆ
ทั้งนี้ IMF กล่าวว่า ถึงแม้ระบบการเงินของจีนจะมีความสัมพันธ์โดยตรงที่กระทบต่อเศรษฐกิจประเทศอื่นๆอาทิ สหรัฐฯ เพียงเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอย่าง ญี่ปุ่น รวมถึง การส่งออกของสหรัฐฯไปจีน ก็มีจำนวนไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
แต่ IMF พบว่า จีนมีความสามารถในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นแห่งอื่นๆ จากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆของจีน
หัวหน้าฝ่ายตลาดเงินและตลาดทุนของ IMF ระบุว่า “เราตระหนักมานานแล้วว่าจีนนั้นพิเศษ ในแง่ที่ข้อมูลเศรษฐกิจของจีนนั้นสามารถส่งผลกระทบต่อตลาดแห่งอื่นๆได้”
ผู้ว่าการบีโอเจ ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยของบีโอเจอาจติดลบได้มากกว่านี้
ในวันนี้ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ ตอกย้ำจุดยืนของตนอีกครั้งว่า เขาจะเพิ่มมาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างไม่ลังเลหากจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมาตรการ QE หรือ การลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ -0.1% ก็ตาม
และระบุเพิ่มเติมว่าบีโอเจจะพิจารณามาตรการทางการเงินจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่อง 3 วันทำการ
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงอีก 0.81% ในวันนี้ สู่ระดับ 35.41 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลดลง 0.64% สู่ระดับ 37.45 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อเนื่องในวันนี้ เนื่องจากความกังวลว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงจำกัดการผลิตได้ รวมถึงแรงกดดันจากความต้องการแก๊สโซลีนของสหรัฐฯที่ลดน้อยลง
ทั้งนี้ความต้องการแก๊สโซลีนในเดือน ม.ค. ของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน ขณะที่ความต้องการน้ำมันโดยรวมของสหรัฐฯในเดือนดังกล่าวปรับตัวลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่มีกำหนดการประชุมในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อพิจารณาจำกัดระดับการผลิตน้ำมันดิบไว้เท่ากับเดือน ม.ค. อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้น้อยลงที่ข้อตกลงดังกล่าวจะสามารถบรรลุผลได้ เนื่องจากซาอุดิอาระเบียที่ระบุว่าจะยอมเข้าร่วมก็ต่อเมื่ออิหร่านยอมเข้าร่วมเท่านั้น
นอกจากนี้ รัสเซีย ได้ผลิตน้ำมันดิบมากขึ้นในเดือน มี.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปีที่ระดับ 10.91 ล้านบาร์เรล/วัน ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1987 ซึ่งผลิตได้ 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน