ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหลังรายงานประชุมเฟดประจำเดือนมีนาคม ระบุว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ เนื่องจากยังคงกังวลต่อภาวการณ์ขยายตัวทาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ท่ามกลางความคิดเห็นที่ยังคงขัดแย้งกันเกี่ยวกับกรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ซึ่งสมาชิกเฟดส่วนใหญ่กว่า 17 สาขา เห็นด้วยกับการเลือกสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25-0.5% ตามมติ 9:1 ในการประชุมเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ดัชนีดอลลาร์เช้านี้ปรับตัวลงมาแถวระดับ 94.37 ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นบริเวณ 1.1408 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ1.1386 ดอลลาร์/ยูโร ด้านค่าเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่องลงมาระดับ 109.43 เยน/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2014
เมื่อคืนนี้ นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า สหรัฐฯต้องการแผนเศรษฐกิจระยะยาว รวมถึงการปฎิรูปภาษี, การศึกษา, การอพยพเข้าเมือง เป็นต้น เพื่อให้เกิดการเติบโต ไม่ใช่เพียงพึ่งพามาตรการทางการเงินและการคลัง ซึ่งเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น
ขณะที่ นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์ ระบุว่า เธอคาดหวังถึงการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะหลังมีความแข็งแกร่ง
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วง 2 วันทำการยังคงผสมผสานกันไประหว่างดีและไม่ดี โดยส่วนใหญ่ออกมาไม่ค่อยดีนัก อันได้แก่ ยอดดุลการค้าที่มียอดขาดดุลเพิ่มขึ้น 1.2 พันล้านเหรียญ แตะระดับ 4.71 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมีนาคม ขณะที่การเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ออกมาแย่ลง 1.5 แสนตำแหน่ง แตะ 5.45 ล้านตำแหน่ง ขณะที่ ISM เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการออกมาดีขึ้นเกินคาดเล็กน้อยที่ระดับ 54.5
นาย ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ กล่าวในวันนี้ว่า บีโอเจอาจเพิ่มการผ่อนคลายทางการเงินหากจำเป็น แต่ตลาดูเหมือนว่าจะยังไม่มั่นใจว่าบีโอเจจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
เมื่อคืนนี้น้ำมันดิบ WTI ปิด +5.2% ที่ระดับ 37.75 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 5.2% เช่นกัน ที่ระดับ 39.84 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากสต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยปรับตัวลง 4.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับ 529.9 ล้านบาร์เรล