• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 เมษายน 2559

    8 เมษายน 2559 | Economic News



ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงในวันนี้ แต่ภาพรวมในสัปดาห์ยังคงแข็งค่ากว่า 2.7%

ค่าเงินเยนยังคงทรงตัวอยู่ใกล้จุดแข็งค่าที่สุดในรอบ 17 เดือน เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ โดยค่าเงินเยนที่กลับมาแข็งค่า ได้ทำให้ นาย Taro Aso รัฐมนตรีการเงินของญี่ปุ่น ได้ออกมาระบุว่า ค่าเงินเยนที่ปัจจุบันเคลื่อนไหวไปไหนทิศทางเดียวนั้น “ไม่เป็นที่ปรารถนา” และทางการญี่ปุ่นอาจดำเนินมาตรการต่ออัตราแลกเปลี่ยนหากจำเป็น

ถ้อยแถลงดังกล่าวของนาย Aso ได้ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.4% สู่ระดับ 108.67 เยน/ดอลลาร์ จากจุดที่แข็งค่าที่สุดในรอบ 17 เดือน เมื่อวานนี้ที่ระดับ 107.67 เยน/ดอลลาร์

ทั้งนี้ในสัปดาห์นี้ ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมา 2.7% เมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์

ทั้งนี้แม้ทางการญี่ปุ่นจะออกมาระบุว่าอาจดำเนินมาตรการต่อค่าเงินเยนก็ตาม แต่ค่าเงินเยนในสัปดาห์นี้ยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่

นักวิเคราะห์จาก AMP Capital ระบุว่า เมื่อค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น ไม่ได้แย่เพียงแต่สำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นถึงสัญญาณลบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินเยน อาจทำให้นักลงทุนลดการทำCarry Trades ลง และส่งผลต่อเนื่องไปการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่อไป


ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนปรับตัวสูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนปรับตัวสูงขึ้นในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 1.03 หมื่นล้านเหรียญ สู่ระดับ 3.21 ล้านล้านเหรียญ

นักวิเคราะห์จาก Mizuho Securities ระบุว่า ทุนสำรองฯของจีนปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจาก 1.ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง 2.เงินทุนไหลออกที่ชะลอตัวลง และ 3.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในเดือน มี.ค. เนื่องจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการทั้งทางการคลังและการเงินเป็นอย่างมาก


ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 2.52% สู่ระดับ 38.20 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้น 1.88% สู่ระดับ 40.17 เหรียญ/บาร์เรล

สำนักข่าว Reuters ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากปัจจัยชี้นำเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐและเยอรมัน ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์หลายราย ยังคงกล่าวเตือนว่า น้ำมันดิบนั้นยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน

นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ระบุว่า การผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯอาจจะลดลงไปที่ระดับ 725,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ ขณะที่มุมมองต่อราคาน้ำมันดิบในปี 2017 นั้นคาดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงของสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยลดภาวะอุปทานส่วนเกินในตลาดน้ำมันดิบต่อไป

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ยังระบุเพิ่มเติมว่า ราคาน้ำมันดิบในช่วงตั้งแต่ 30 – 35 เหรียญ/บาร์เรล เป็นช่วงราคาที่จะทำให้บริษัทน้ำมันดิบในสหรัฐฯไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการดำเนินธุรกิจ และจะช่วยให้ราคาน้ำมันดิบWTI เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 55 – 60 เหรียญ/บาร์เรล ได้ ภายในปี 2017


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com