นักเศรษฐศาสตร์โดยการสำรวจของ Bloomberg ในเดือนนี้ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะยังคงรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยระดับปัจจุบันไปจนถึงไตรมาสที่ 4 นี้ โดยคาดว่าระดับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อายุ 1 ปี จะอยู่ที่ 4.35% ไปจนถึงไตรมาสที่ 3/2016 นี้ ก่อนจะลดลงเหลือ 4.1% ในไตรมาสที่ 4
เมื่อเปรียบเทียบกับการสำรวจในเดือน มี.ค. ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยฯสู่ระดับ 4.1% ภายในไตรมาสที่ 2 และลดสู่ระดับ 3.85% ในไตรมาสที่ 4
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนแผ่นดินใหญ่ ประจำ Royal Bank of Scotland ระบุว่า นโยบายการเงินได้ทำหน้าที่ของมันเรียบร้อยแล้ว หลังจากปี 2015 ได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเป็นอย่างมาก ดังนั้น คาดว่าธนาคารกลางจีนน่าจะรักษาขีดความสามารถในการขยายมาตรการทางการเงินเอาไว้เผื่อต้องเผชิญกับความผันผวนในอนาคต
นายจอร์จ โซรอส ระบุว่า ตัวเลขของสินเชื่อใหม่เดือนมีนาคมของจีนที่เติบโตสูงมาก อาจเป็นสัญญาณเตือนของวิกฤตการเงิน
ทั้งนี้ตัวเลขสินเชื่อใหม่เดือนที่ผ่านมาของจีนโตกว่า 2.34 ล้านล้านหยวนซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ถึง 67% และหากรวมยอดสินเชื่อใหม่ที่เติบโตขึ้นในไตรมาสที่ 1 ก็เพิ่มขึ้นถึง 4.6 ล้านล้านหยวนหรือประมาณ 24.86 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ตัวเลขหนี้สินรวมต่อ GDP จีนนั้นก็พุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับ 247% ในขณะที่ตัวเลขในช่วงปี 2008 อยู่ที่ระดับ 164%
ซาอุดิอาระเบีย กำลังเตรียมกู้เงิน 10,000 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มธนาคารเจ้าหนี้นานาชาติโดยออกตราสารหนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีเพื่อระดมเงินมาชดเชยรายได้จากน้ำมันที่ลดลงและเสริมเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของตน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไปในวันนี้ หลักจากที่อยู่ในเทรนขาลงในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากที่องค์การ IEA ระบุว่า ในปี 2016 นี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันของกลุ่ม NON-OPEC จะลดต่ำลงมาสูงสุดในรอบ 25 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพตลาดปัจจุบันที่เกิดภาวะน้ำมันดิบล้นตลาด โดยคาดการณ์ว่า ระดับปริมาณน้ำมันดิบจะลดลงถึง 700,000 บาร์เรลต่อวัน และยังมีแรงหนุนเพิ่มจากการต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้นจากประเทศอินเดีย จีน และกลุ่มประเทศเกิดใหม่
ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้าย่อตัวลงไปที่ 43.62 ดอลลาร์ ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นมาที่ 44.37 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นไป19 เซนต์ จากราคาปิดก่อนหน้านี้