เศรษฐกิจจีนมีสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้นในไตรมาสที่ 2/2016
ยอดการให้สินเชื่อใหม่, ผลผลิตอุตสาหกรรม, การลงทุนในสินทรัพย์คงทน และยอดค้าปลีก ของจีนต่างปรับตัวดีขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในเดือน มี.ค. ส่งสัญญาณว่าในไตรมาสที่ 2/2016 เศรษฐกิจจีนมีโอกาสฟื้นตัวสูงขึ้น
ดัชนีภาคอุตสาหกรรม (Minxin manufacturing index) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 46.9 สูงที่สุดในปีนี้ ขณะที่ดัชนีภาคบริการ (Minxin non-manufacturing index) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 44.2 จากกระดับ 40.1 จุด ในเดือน มี.ค.
ภาวะหนี้สินของจีนเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
มูลค่าหนี้ของจีนปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 237% ต่อ GDP ในไตรมาสที่ 1/2016 มากกว่าตลาดเกิดใหม่ประเทศอื่นมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินและการชะลอตัวของจีนอาจยืดเยื้อออกไปนานยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ช่วงสิ้นปี 2007 จีนมีหนี้สินเพียง 148% ต่อ GDP เท่านั้น ทั้งนี้ในช่วง
สำนักข่าว Financial Times คำนวณว่า ทางการจีนได้อัดฉีดเงินกู้เข้าสู่ระบบเพื่อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 1/2016 จีนมีหนี้สินเพิ่มขึ้น 6.2 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 1/2016 จีนมีหนี้สินราว 163 ล้านล้านหยวน (ราว 25 ล้านล้านเหรียญ)
หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจาก Goldman Sachs ระบุว่า ประเทศขนาดใหญ่ในโลกที่มีการเติบโตของหนี้สินในระดับสูง ถ้าไม่เจอ วิกฤตการณ์ทางการเงิน ก็จะเจอ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ยาวนาน
Bloomberg คาด บีโอเจ ติดอันดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Nikkei 225 มากกว่า 90% หรือกว่า 200 บริษัท
Bloomberg ระบุว่า ภายใต้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของบีโอเจ มีเงินสำหรับซื้อกองทุน ETFs 3 ล้านล้านเยน (27.2 พันล้านเหรียญ) ต่อปี ทั้งนี้แม้ว่าบีโอเจจะไม่เปิดเผยว่าตนถือหุ้นอะไรไว้เท่าใดบ้าง แต่ยังสามารถคาดการณ์ได้จากข้อมูลสาธารณะอื่นๆ ทั้งจากบริษัทจดทะเบียน ผู้จัดการกองทุน และหน่วยงานภาครัฐ
ดังนั้น Bloomberg จึงคำนวณได้ว่า บีโอเจ น่าจะติดอันดับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 10 อันดับแรกของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี Nikkei 225 มากกว่า 90% หรือมากกว่า 200 บริษัท
ทั้งนี้บีโอเจ ปฎิเสธที่จะให้ความเห็นต่อการสืบค้นดังกล่าวของ Bloomberg
ข้อวิจารณ์สำคัญของสิ่งที่บีโอเจเข้าซื้อหุ้นคือมันเป็นการบิดเบือนตลาดหุ้นทั้งการประเมินมูลค่า(Valuations) และทำลายพัฒนาการของการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance) ขณะที่ผู้ที่เห็นด้วยกับบีโอเจ ระบุว่า มันเป็นการกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นในวันนี้
ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นกว่า 0.6% สู่ระดับ 111.09 เยน/ดอลลาร์ในวันนี้ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์อ่อนค่าลงไปกว่า 2.1%เนื่องจากมีรายงานจาก Bloomberg ว่าบีโอเจอาจให้เงินกู้แก่สถาบันการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยติดลบและ Goldman Sachs ที่คาดการณ์ว่าบีโอเจจะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์นี้
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยดัชนี Bloomberg Commodity Index ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังจากที่ทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาทองแดงปรับตัวลง 0.5% หลังจากปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการ และราคาอลูมิเนียมย่อตัวลง 0.2%
นักวิเคราะห์จาก Jinrui Futures Co. ระบุว่า ราคาโลหะภัณฑ์กำลังปรับฐานหลังปรับตัวสูงขึ้นในระยะหลังที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดิบหดตัวลงจากแรงเทขายทำกำไร
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.82% สู่ระดับ 43.36 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวลดลง 0.69% สู่ระดับ 44.76 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ เนื่องจากเข้าใกล้การประชุมเฟดและบีโอเจ
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley ระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานของน้ำมันดิบยังคงบ่งชี้ถึงทิศทางขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น
นักวิเคราะห์จาก Barclays bank ระบุว่า ยังไม่ควรแน่ใจว่าราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวหรือสูงขึ้นจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังคงอ่อนแอ