• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 26 เมษายน 2559

    26 เมษายน 2559 | SET News


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -0.15% ที่ระดับ 17,977.24 จุด หลังราคาน้ำมันดิบยังร่วงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขณะที่ข้อมูลยอดขายบ้านใหม่สหรัฐฯปรับตัวลงเกินคาด และกลุ่มนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบประชุมเฟด

ตลาดหุ้นยุโรปปิด -0.5% ที่ระดับ 346.68 จุด เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลความเชื่อมั่นทางภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเกินคาด ควบคู่กับการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ

เช้านี้ดัชนีนิกเกอิเปิด -0.4% เพราะได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยประชุมเฟดและบีโอเจในปลายสัปดาห์นี้

นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.00 – 35.20 บาท/ดอลลาร์ จับตาประชุมเฟด และบีโอเจ

รมช.พาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน มี.ค.59 ว่า การส่งออกยังขยายตัวเป็นบวก 1.3% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีมูลค่า 19,125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,159 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว6.94% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2,966 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ขยายตัว 5% เนื่องจากขณะนี้เริ่มเห็นเศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวชัดเจนแล้ว ทั้งด้านการท่องเที่ยว การลงทุน และการส่งออกที่แม้ยังมีปัจจัยภายนอกประเทศที่ควบคุมไม่ได้

KBANK เผยว่า ปีนี้จะต้องตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อนที่ตั้งสำรองไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากวัฏจักรของเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวส่งผลกระทบต่อแนวโน้มของหนี้ที่ก่อไม่เกิดรายได้ (NPL) ทั้งระบบที่จะเพิ่มขึ้นตาม ขณะที่การตั้งสำรองของธนาคารเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ยังคงตัวเลขคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 59 ไว้ที่ 0% ตามเดิม (โดยมีกรอบคาดการณ์ในช่วง -2.0% ถึง +2.0%) แม้การส่งออกในไตรมาส 1/2559 ที่พลิกกลับมาขยายตัวได้เหนือความคาดหมายที่ 0.9% (YoY) [จากเดิมที่คาดว่าอาจจะยังอยู่ในแดนหดตัว] จะช่วยลดโอกาสความเป็นไปได้ที่ตัวเลขการส่งออกของไทยทั้งปี 59 จะหดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ลง เนื่องจากประเมินว่าการฟื้นตัวของสินค้าส่งออกสำคัญของไทยอาจจะยังคงเป็นไปในกรอบจำกัดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากราคาสินค้าส่งออกที่ยังอยู่ต่ำกว่าปีก่อน เศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว และข้อจำกัดในการตอบโจทย์ความต้องการตลาดโลกของสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

รมว.คลัง มั่นใจว่า จีดีพีปีนี้จะโตได้มากกว่า 3% แม้ว่าปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจโลกจะไม่ได้นิ่งเหมือนที่ผ่านมา แต่มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงมา จะเป็นการช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการ และเป็นการกระตุ้นการลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com