ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังข้อมูลยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนมีนาคมของสหรัฐฯปรับตัวลงเกินคาดแตะระดับ 511,000 ยูนิต และปรับตัวลงประมาณ 8,000 ยูนิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบประชุมเฟด โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลงมาแตะระดับ 94.78
ด้านค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยที่ระดับ 1.1263 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1227 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนกลับแข็งค่าลงมาเช้านี้บริเวณ 111.17 เยน/ดอลลาร์
นาย มูฮัมเม็ด อัล-อีเรียน ผู้อำนวยการที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำ Allianz SE แสดงความคาดหวังว่า การประชุมเฟดสัปดาห์นี้ เฟดจะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนนี้ ระหว่างการประชุม 14-15 มิ.ย. ซึ่งถึงแม้จะมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ แต่เฟดก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ และหากเป็นไปได้ก็อาจเกิดขึ้น 2 ครั้งในปีนี้
สถาบันIfo เผย ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีประจำเดือนเมษายนปรับตัวลงเกินคาดแตะระดับ 106.6 เพราะได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นในภาคค้าปลีกและค้าส่งที่ปรับตัวลง
น้ำมันดิบ WTI ปิด -2.5% ที่ระดับ 42.64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.4% ที่ระดับ 44.48 เหรียญ/บาร์เรล หลังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบ
รายงานจาก Barclays ระบุว่า ทางธนาคารยังไม่เชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถคงอยู่ระดับปัจจุบัน หรือปรับขึ้นต่อหรือไม่ ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่ยังอ่อนแอ อันได้แก่ ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบในระดับสูง, การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน รวมทั้งการส่งออกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโอเปก
ด้าน Morgan Stanley กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากคำสั่งซื้อของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ดังนั้นการปรับตัวขึ้นดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากแรงหนุนทางด้านปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่กลุ่มโอเปกยังมีแนวโน้มจะเพิ่มกำลังการผลิตต่อไป ท่ามกลางภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดเกิดใหม่ที่จะกระทบต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันดิบ
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า รัฐบาลซาอุดิอาระเบียอนุมัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว หรือ Saudi Arabia’s Vision 2030 เพื่อปฏิรูปภาคธุรกิจและการลงทุน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน และหนุนภาคการลงทุน การปฏิรูปเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจที่มีผลกำไร โดยมีการขยายเงินทุนสำหรับการลงทุนสาธารณะที่ระดับ 2 ล้านล้านเหรียญ จากระดับ 1.6 แสนล้านเหรียญ