ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนกำลังรอคอยผลการประชุมเฟดในค่ำคืนนี้
ทั้งนี้นักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาดต่างคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ดังนั้นจึงทำให้ความสนใจทั้งหมดตกอยู่ที่สรุปการประชุมว่าเฟดมีความเห็นต่อเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างไร เพื่อคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ และความเสี่ยงจากผลประชามติของอังกฤษเกี่ยวกับว่าจะออกจากอียูหรือไม่ (Brexit) ถือเป็นปัจจัยที่หนุนราคาทองคำ และเรามีโอกาสเห็ฯทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 1,300 เหรียญได้ในปีนี้
นอกจากนี้ HSBC ยังมีมุมมองว่าความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกและการฟื้นตัวปานกลางของราคาน้ำมันดิบก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนทองคำขาขึ้นเช่นกัน
นักวิเคราะห์จาก GFMS ประจำ Thomson Reuters ระบุว่า ราคาทองคำในระยะสั้นน่าจะปรับตัวลดลงเนื่องจากความต้องการทองคำจากเอเชียลดน้อยลง โดยความต้องการทองคำทั่วโลกลดน้อยลง 24% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 781 ตัน ในไตรมาสที่ 1/2016 นี้ ซึ่งน้อยที่สุดในรอบกว่า 7 ปี
ทั้งนี้การลดลงของความต้องการทองคำจริงนั้นเกิดขึ้นในทุกภาคส่วนในหลายๆประเทศ โดยปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือประเทศผู้ซื้อทองคำมากที่สุดในโลก จีน และ อินเดีย มีความต้องการทองคำลดลง
สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากราคาทองคำที่สูงขึ้น และอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตและการนัดหยุดงานของผู้ค้าเครื่องประดับในอินเดีย
ผู้ค้าและผู้ผลิตเครื่องประดับในอินเดียได้หยุดงานประท้วง ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงรัฐบาลที่ต้องการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต 1% กับทองคำ