นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุน ต่างมองว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 48 ราย โดย CNBC ระบุว่า
- นักเศรษฐศาสตร์ทุกคน คาด เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
- นักเศรษฐศาสตร์โดยเฉลี่ยคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปเดือน ส.ค. ช้ากว่าผลการสำรวจเดิมที่คาดว่าจะขึ้นเดือน มิ.ย.
- เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่ง ไตรมาสที่ 3-4 ของปี 2018
ไม่ใช่เพียงนักเศรษฐศาสตร์เท่านั้นที่มองว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นักลงทุนในตลาดเองก็มองว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน โดยเครื่องมือ CME Group FedWatch ชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ 100%
ผลกำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวสูงขึ้น 11.1%
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เผย กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนประจำเดือนมีนาคม ปรับตัวสูงขึ้น 11.1% y/y ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2014 สู่ระดับ 1.34 ล้านล้านหยวน
IMF หนุนจีนในการแก้ปัญหาหนี้สินของภาคเอกชน
IMF ระบุในรายงานว่า เป็นเรื่องดีที่จีนให้ความสนใจในการแก้ปัญหาหนี้สินภาคเอกชน โดยทางการจีนกำลังพิจารณามาตรการต่างๆเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว เช่น การแปลงหนี้สินเป็นทุน(debt-equity swap) และการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์(securitization)
IMF ระบุว่า การแปลงหนี้สินเป็นทุนและการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาระดับหนี้ของภาคเอกชนได้ โดยหากจีนสามารถแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ จะส่งผลให้จีนควบรวมเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลกมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ IMF กล่าวว่า การแปลงหนี้สินเป็นทุนนั้นควรทำเฉพาะกับธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้ ไม่รวมถึง ธุรกิจซอมบี้ ที่ขาดทุนและมีหนี้สินล้นพ้นตัว
ก่อนหน้านี้ นาย หลี เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้ตอกย้ำหลายครั้งถึงความสำคัญในการใช้นโยบาย แปลงหนี้สินเป็นทุน เพื่อลดระดับหนี้สินของภาคเอกชน
ข้อมูลจาก Bank of International Settlements ระบุว่า จีนมีหนี้สินภาคเอกชนเป็นสัดส่วนที่มากกว่าประเทศอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
GDP ขั้นต้นของอังกฤษ ออกมาตามคาด
ตัวเลข GDP ขั้นต้นของอังกฤษ ประจำไตรมาส 1/2016 ออกมา 0.4% ตามที่ตลาดคาด (ตลาดคาด 0.4%, เดิม 0.6%)
ทั้งนี้การที่นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะชะลอตัวลงในไตรมาส 1/2016 นี้ เนื่องจากความกังวลต่อการประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งคาดจะออกมาราว 0.4% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.6%
World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ
World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปีนี้สู่ระดับ 41 เหรียญ/บาร์เรล จากคาดการณ์เดิมในเดือน ม.ค. ที่ระดับ 37 เหรียญ/บาร์เรล โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเนื่องจาก มุมมองของตลาดน้ำมันดิบที่ดีขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
ทั้งนี้แม้ว่าจะปรับเพิ่มการคาดการณ์ แต่ราคาพลังงานที่คาดการณ์ใหม่ยังคงน้อยกว่าราคาเมื่อปี 2015 อยู่ 19.3%(จากเดิม 24.7% ในการคาดการณ์เมื่อเดือน ม.ค.)
ดังนั้น World Bank จึงยังคงกล่าวเตือนประเทศที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์และมุมมองของนักลงทุนที่ดีขึ้น
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้เนื่องมุมมองของนักลงทุนต่อน้ำมันดิบดีขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวเตือนว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะจบลงเร็วๆนี้
ในวันนี้ ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวขึ้น 1.1 % สู่ระดับ 46.24 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 1.16% สู่ระดับ 44.55 เหรียญ/บาร์เรล