เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.17% ที่ระดับ 17,830.76 จุด เพราะได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังของกลุ่มนักลงทุนต่อการประชุมของบีโอเจที่ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายใดๆเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ และข้อมูลจีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐฯที่ส่งสัญญาณชะลอตัว
ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เปิดปรับตัวลงในเช้าวันนี้เกือบ 1% ตามการร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
วันนี้ภาคธนาคารของญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันโชวะ (Showa Day)
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85 – 35.05 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเปิดตลาดภูมิภาคและค่าเงินเยนวานนี้ หลังบีโอเจยังไม่ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงใดๆ
สศค.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 59 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ 3.3% จากช่วงคาดการณ์ที่ 3.0-3.6%จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.7% เนื่องจากคาดว่าการส่งออกที่ยังได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน ทำให้มีแนวโน้มขยายตัวต่ำลงจากที่คาดการณ์ครั้งก่อน หรือหดตัวราว 0.7%
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะขยายตัว 3% โดยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 4/58 แต่หากจะให้อัตราการขยายตัวทั้งปีเติบโตได้ถึง 3.3% ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ล่าสุด ในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็จะต้องผลักดันให้ศรษฐกิจขยายตัวมากกว่า 3%
ผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการเติบโตของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) การฟื้นตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมากขึ้นจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นกว่านี้
โดยเน้นย้ำ สิ่งที่ต้องจับตาดูต่อไป 3 ประการ คือ 1.ประสิทธิผลของนโยบายการเงิน ซึ่งการจะปรับลดดอกเบี้ยในภาวะที่มีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบเป็นจำนวนมากคงไม่ได้มีประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น 2.ความอ่อนไหวด้านเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว และจับตาดูพฤติกรรมแสดงหาผลตอบแทน 3.ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก