ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นกว่า 1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่าค่าเงินดอลลาร์มีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sell on Rallies เมื่อเทียบกับค่าเงินเยน โดยเช้านี้ค่าเงินดอลลาร์ยังคงปรับตัวขึ้นแถวระดับ 94.178
ด้านค่าเงินยูโรเช้านี้อ่อนตัวลงเล็กน้อยบริเวณ 1.1390 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.1394 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนเช้านี้อ่อนค่าขึ้นที่ระดับ 108.36 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดเมื่อคืนนี้ยังพึงพอใจกับการดำเนินนโยบายในปัจบัน และมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยนายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งและจะขยายตัวได้ในปีนี้ที่ระดับ 2.5% แต่เฟดก็ควรเฝ้ารอช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการดำเนินนโยบายในลำดับต่อไป
ขณะที่ นายนีล คาร์ชคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า การดำเนินนโยบายในปัจจุบันเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ในการเฝ้าระวังและอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนยายนนั้นยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐฯส่วนใหญ่ลดกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน โดยส่วนใหญ่มีมุมมองว่าเฟดน่าจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือนกันยายนมากกว่า โดยผลสำรวจล่าสุดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทีข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาด
ด้านรายงานจาก CNBC ระบุว่า แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่จะส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปีนี้ แต่ตลาดการเงินส่วนใหญ่ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเหลือเพียง 1 ครั้ง และไม่คาดว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมได้หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดตลาด -2.7% ที่ระดับ 43.44 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -3.8% ที่ระดับ 43.63 เหรียญ/บาร์เรล เพราะได้รับแรกดันจากสถานการณ์ไฟป่าที่ส่งผลต่อการผลิตน้ำมันชั้นทราย (Oil-Sands) ในเมืองอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดาเริ่มบรรเทาลง จึงลดความกังวลเกี่ยวกับการลดกำลังการผลิตท่ามกลางสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1929
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีการคลังยูโรโซนเมื่อวานนี้ มีมติเห็นชอบผ่อนปรนหนี้สินแก่กรีซ โดยให้มีระยะเวลาการชำระหนี้ขยายออกไปจากปี 2018 ได้ หากว่ากรีซสามารถจัดการกับแผนปฏิรูปภายใต้เงื่อนไขการรับเงินช่วยเหลือฉบับล่าสุด