ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลงหลังจากที่ตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนได้เมื่อวานนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางเนื่องจากตลาดนิวยอร์กปิดทำการในวันชาติ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขานรับต่อการที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
เช้านี้ดัชนี MSCI ทรงตัว ขณะที่ภาพรวมเดือนนี้ปรับตัวลดลงแล้วกว่า 2% ด้านดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด -0.3% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นกว่า 1.4% ในวาระการซื้อขายก่อนหน้า ขณะที่ภาพรวมเดือนนี้นิกเกอิปรับตัวขึ้น 2% เพราะได้รับอานิสงค์จากการอ่อนค่าของค่าเงินเยน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นเอเชียมาจากความกังวลครั้งใหม่ต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน จากแนวโน้มที่เฟดจะทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกมีการเทขายพันธบัตรและค่าเงินในภูมิภาค
ข้อมูลจาก HSBC แสดงให้เห็นว่ามีกระแสเงินไหลออกสุทธิจากตลาดหุ้นเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) กว่า 3.2 พันล้านเหรียญ ระหว่างวันที่ 1-24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นกระแสเงินไหลออกมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันทหารผ่านศึก (Memorial Day)
นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.60 – 35.80 บาท/ดอลลาร์ โดยหากยังไม่ผ่านแนวต้าน 35.80 บาท/ดอลลาร์ มีโอกาสกลับมาแข็งค่าต่อ
ขณะที่ ธปท. ระบุถึง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ว่า เป็นผลจากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าจากมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สศค. เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน เม.ย.59 ว่า เศรษฐกิจไทยสะท้อนสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะการลงทุนในหมวดก่อสร้างขณะที่การใช้จ่ายรัฐบาลยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยโดยขยายตัวสูงที่ 16.8% ต่อปี สำหรับการส่งออกสินค้ากลับมาหดตัวอีกครั้งในกลุ่มตลาดและสินค้าส่งออกหลัก ในด้านอุปทานพบว่าภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัวได้ดี ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้นทำให้รายได้เกษตรกรที่แท้จริงสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/59 จะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 1/59 เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้อัดฉีดลงไป และการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในโครงการลงทุนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มการบริโภคในประเทศหลังจากนี้เชื่อว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นอีก และน่าจะอยู่ในวิสัยที่กระทรวงการคลังดูแลได้
อย่างไรก็ดี สศค.จะเร่งติดตามภาพรวมการส่งออกของประเทศหลังจากที่ตัวเลขเดือนเม.ย.กลับมาติดลบ 8% แต่เชื่อว่าตัวเลขทั้งปียังอยู่ภายใต้คาดการณ์ และต้องรอดูในช่วงที่หลือจากนี้