ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงเล็กน้อยจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงผสมผสานกัน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่องว่าเฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น โดยดัชนีดอลลาร์เช้านี้อยู่ที่ระดับ 95.82 (ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 95.895)
ขณะที่ค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวแถวระดับ 1.1125 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินเยนปรับแข็งค่าแตะระดับ 110.69 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 111.34 เยน/ดอลลาร์ และค่าเงินบาทเช้านี้ปรับแข็งค่าบริเวณ 35.689 บาท/ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดในเช้าวันนี้บริเวณ 35.75 บาท/ดอลลาร์
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้บางส่วนออกมาแย่กว่าที่คาด อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ประจำเขตชิคาโกประจำเดือนพฤษภาคมออกมาแย่กว่าที่คาดและแย่กว่าเดิมแตะระดับ 49.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาแย่กว่าที่คาดและจากเดิมเช่นกันแตะระดับ 92.6
ขณะที่ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนเมษายนออกมาขยายตัวขึ้นเกินคาด 1.0% ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวมากที่สุดในรอบกว่า 6 ปี ท่ามกลางการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่มีการซื้อสินค้าประเภทยานยนต์เพิ่มมากขึ้น จึงบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจและอาจส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ด้านดัชนีการอุปโภคบริโภคแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของเงินเฟ้อในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยดัชนี Core CPI ซึ่งไม่รวมความผันผวนของหมวดอาหารและพลังงานขยายตัวขึ้นได้ 0.2% หลังจากที่ขยายตัวได้ 0.1% ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ภาพรวมเมื่อเทียบรายปีดัชนี Core PCE ขยายตัวได้ 1.6%
ทั้งนี้ ดัชนี Core PCE ถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟด ซึ่งยังคงมีการขยายตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ที่เฟดกำหนด แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวได้สูงขึ้นในปีนี้ ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์ลดความร้อนแรงในการแข็งค่า ขณะที่อัตราค่าแรงและราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
โปรแกรม FedWatch ของ CME Group ล่าสุดระบุว่า การประชุมเฟดระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคมนี้มีโอกาสที่เฟดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 61%
เช้านี้รัฐบาลจีน เผยตัวเลข ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตประจำเดือนพฤษภาคมออกมาทรงตัวเท่าเดิมที่ระดับ 50.1 ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการออกมาแย่ลงจากเดิมเล็กน้อยแตะระดับ 53.1 โดยเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากดัชนีสามารถยืนเหนือ 50 ซึ่งเป็นระดับบ่งชี้ถึงการขยายตัว และยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเศรษฐกิจจีนมีเสถียรภาพมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อาจประกาศว่ารัฐบาลญี่ปุ่นอาจเลื่อนกำหนดการปรับขึ้นภาษีการขายระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำและเตรียมการสำหรับการเลือกตั้ง
น้ำมันดิบ WTI ปิด +1.18% ที่ระดับ 49.91 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +0.46% ที่ระดับ 50.59 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดได้รับแรงหนุนหลังมีรายงานจาก Genscape ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยภาคอุตสาหกรรม ที่แสดงให้เห็นว่าอุปทานน้ำมันดิบในเมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมาปรับตัวลดลง 686,700 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นักลงทุนในตลาดน้ำมันจับตาไปยังปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การประชุมของกลุ่มโอเปกในวันพรุ่งนี้ ณ กรุงเวียนมา