ค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงบ่งชี้ถึงความผันผวน โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 95.353 ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 109.25 ก่อนจะมาทรงตัวแถวระดับ 109.36 เยน/ดอลลาร์ในเช้าวันนี้
ด้านค่าเงินยูโรเช้านี้แข็งค่าขึ้นบริเวณ 1.1187 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับต่ำสุดวานนี้ 1.1110 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินบาทเช้านี้ปรับแข็งค่าลงมาที่ระดับ 35.66 บาท/ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดวานนี้บริเวณ 35.75 บาท/ดอลลาร์
เมื่อคืนนี้ ISM เผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯในเดือนพฤษภาคมขยายตัวได้เกินคาดแตะระดับ 51.3 ซึ่งเป็นระดับการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และส่งสัญญาณว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯสามารถรับมือกับภาวะแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอในต่างประเทศได้
ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯของเฟด หรือ Beige Book ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการขยายตัวได้ระดับปานกลางในเกือบทุกภูมิภาคของประเทศนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนเป็นต้นมา เพราะได้รับแรงหนุนจากภาคแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีการจ้างงานงานอย่างต่อเนื่อง และอัตราค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในรอบครึ่งปีของเฟด ในวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวจะเกิดขึ้นหลังจากที่เฟดเสร็จสิ้นการประชุมระหว่าง 14-15 มิถุนายนนี้
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า นักลงทุนบางส่วนจับตาการประชุมอีซีบีในค่ำคืนนี้ โดยคาดว่าอีซีบีจะยังคงอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ และคาดว่าน่าจะไม่ส่งผลเชิงบวกมากนักเนื่องจากยูโรโซนยังคงมีความเสี่ยงเชิงลบ และการเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
น้ำมันดิบ WTI ปิด -0.2% ที่ระดับ 49.01 เหรียญ/บาร์เรล ขณะทีน้ำมันดิบ Brent ปิด -0.3% ที่ระดับ 49.72 เหรียญ/บาร์เรล โดยกลุ่มนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนเข้าสู่การประชุมของกลุ่มโอเปก ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าว 4 รายในกลุ่มโอเปกระบุว่า โอเปกจะพิจารณากำหนดเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมวันนี้