ในวันนี้สกุลเงิน, ตลาดหุ้น, ตลาดตราสารหนี้ ของเอเชีย ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯที่ออกมาอ่อนแอ ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยสกุลเงินเอเชียปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์
ดัชนี MSCI Emerging Markets Currency (ค่าเงิน) ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% ปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3, ปรับสูงขึ้นมากที่สุดในรายวันนับตั้งแต่ 28 เม.ย. และกำลังเข้าใกล้เส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน(เส้นสีชมพู)
ขณะที่ดัชนี MSCI Emerging Markets (ตลาดหุ้น) ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% สู่ระดับ 821.28 จุด ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ 2 พ.ค. โดยปรับเพิ่มทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงในวันนี้ ตามค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯที่ออกมาน่าผิดหวัง
ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลดลง 0.5% สู่ระดับ 16,580.03 จุด โดยทำจุดต่ำสุดบริเวณ 16,322.64 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์นับตั้งแต่ 10 พ.ค.
ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์จาก Reuters ระบุว่า ตลาดหุ้นฮ่องกงแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและโลหะที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงลงทุนอย่างระมัดระวังเนื่องจากโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ยังไม่หมดไปและการทำประชามติของอังกฤษในการออกจากสหภาพยุโรป
ดัชนี Hang Seng ปรับตัวสูงขึ้น 0.4% สู่ระดับ 21,030.22 จุด
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันนี้ โดยนักลงทุนกำลังรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเข้ามากระทบ เพื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจต่อไป
ดัชนี Shanghai Composite Index ปรับตัวลดลง 0.2% สู่ระดับ 2,934.10 จุด
นักวิเคราะห์จาก UBS Securities ระบุว่า ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตลาดกำลังจับตามองข้อมูลเศรษฐกิจและสินเชื่อของจีน