ทองคำอ่อนตัวลงในวันนี้จากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน แต่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และยังคงปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง
ผลสำรวจจาก Reuters ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายนหรืออย่างเร็วที่สุดในเดือนกรกฏาคมนี้ หลังจากที่ข้อมูลการจ้างงานออกมาลดลงและสร้างความกังวลว่าอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แบบจำลอง GDP โดยเฟดสาขาแอตแลนต้า คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะสามารถเติบโต 2.5% ในไตรมาส 2/2016
ANZ ระบุว่า ราคาทองคำอาจกลับเป็นขาขึ้นดังเช่นภาพในช่วงต้นปีนี้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับเฟดที่เบาบางลงไป และการลงประชามติของอังกฤษอาจสร้างความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ราคาทองคำทรงตัวแถวระดับ 1,267 เหรียญ/ออนซ์ หลังจากที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดบริเวณ 1,300 เหรียญในเดือนพฤษภาคม แต่นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก ANZ ชี้ให้เห็นถึง 2 ปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำขยายตัวได้ดังนี้
ถ้อยแถลงของประธานเฟดสัปดาห์นี้ได้ลดกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและยุโรปเลือกดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำหรือระดับติดลบ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 16% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ และทดสอบจุดสำคัญบริเวณ 1,300 เหรียญในเดือนพฤษภาคม แต่หลังจากที่เฟดสร้างกระแสสวนตลาดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงจากแนวโน้มที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ความเสี่ยงจากการลงประชามติของอังกฤษว่าจะออกจากอียูหรือไม่ อาจส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,400 เหรียญได้
ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดการลงประชามติในวันที่ 23 มิถุนายนนี้เพื่อชี้ชะตาว่าจะอยู่หรือไปจากอียู ซึ่งผลสำรวจในปัจจุบันยังมีแนวโน้มที่น้อยมากที่ผลจะออกมาเลือกอยู่ในอียู และหากผลออกมาเป็นเลือกออกจากอียู ก็คาดว่าจะส่งผลให้ค่าเงินอังกฤษไร้เสถียรภาพ และทำให้ตลาดเกิดความผันผวน และนั่นอาจทำให้เราเห็นกลุ่มนักลงทุนเลือกเข้าถือครอง Safe-Haven