• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 13 มิถุนายน 2559

    13 มิถุนายน 2559 | Economic News

การลงทุนในจีนเติบโตในอัตราที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิ

การเติบโตของการลงทุนในทรัพย์สินถาวรลดลงต่ำกว่าระดับ 10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 ในเดือน ม.ค. – พ.ค. ที่ผ่านมา โดยแรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตดูเหมือนว่ากำลังจะหมดลง ส่งผลให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าจีนอาจจะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ทั้งนี้รัฐบาลจีนได้ดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ที่สื่อของทางการจีนเผยแพร่เนื้อหาว่าจีนกำลังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ กล่าวเตือนว่า สัญญาณของความอ่อนแอในข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของจีน ผลักดันให้ผู้กำหนดนโยบายอาจต้องยกระดับมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำ Commerzbank ระบุว่า มีโอกาสมากขึ้นที่ธนาคารกลางจีนจะลด RRR หรือลดนโยบายอัตราดอกเบี้ยลง ก่อนสิ้นเดือนนี้


IMF เตือนจีนให้แก้ปัญหาหนี้สินภาคเอกชนอย่างเร่งด่วน

IMF เตือนจีนซึ่งให้แก้ปัญหาหนี้สินภาคเอกชนซึ่งมีความสำคัญและกำลังแย่ลงเรื่อย ๆ อย่างเร่งด่วน ซึ่งหากปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกและจีนจะได้รับผลกระทบจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

ขณะนี้จีนมีหนี้สินอยู่ราว 225% ต่อ GDP ซึ่งนับว่าไม่สูงมากนักหากเทียบกับประเทศอื่นๆบางประเทศ อย่างไรก็ดี หนี้สินของจีนนั้นเป็นหนี้สินของภาคเอกชนจำนวนถึง 145% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ในระดับสูง

โดยเมื่อเจาะลึกลงไปแล้ว IMF ระบุว่าปัญหาหนี้สินภาคเอกชนของจีนเกิดจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจซึ่ง IMF ประเมินว่า 55% ของหนี้สินภาคเอกชนมาจากหน่วยงานดังกล่าว แต่กลับสามารถผลิตผลผลิตทางเศรษฐกิจเพียง 22%

IMF แนะนำว่า ธุรกรรมการแปลงหนี้สินเป็นทุน อาจสามารถแก้ปัญหาหนี้สินจำนวนมากนี้ได้ อย่างไรก็ดี IMF แนะว่าควรพิจารณาให้ดีกว่าบริษัทใดควรเก็บไว้ และบริษัทใดควรปล่อยให้ล้มละลาย


OECD ระบุ อีซีบีควารลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาด

OECD ระบุว่า อีซีบีควรขยายมาตรการทางการเงินออกไปอีก หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่เพิ่มขึ้นตามคาด และรัฐบาลประเทศต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรีซและอิตาลี ควรหาทางลด NPL ของภาคธนาคารลง เพื่อให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของอีซีบีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

OECD กล่าวว่า “อีซีบีอาจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เนื่องจากสภาวะที่มีสภาพคล่องล้นเกินในปัจจุบัน”

OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะเติบโต 1.6% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า ภายในสมมติฐานว่าอังกฤษเลือกที่จะอยู่กับอียูต่อไป

แต่หากอังกฤษเลือกที่จะออกจากอียู จะไม่เพียงแต่ลดผลผลิตทางเศรษฐกิจลง 1% ในปี 2018 เท่านั้น แต่ผลกระทบจะตกทอดต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 5 ปี


น้ำมันดิบหดตัวลงต่อเนื่องในวันนี้

ในวันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง จากความกังวลต่อเศรษฐกิจในเอเชียและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

น้ำมันดิบ Brent โดยลดลงกว่า 0.97% สู่ระดับ 49.89 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.06% สู่ระดับ 48.55 เหรียญ/บาร์เรล

นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า นำมันดิบปรับตัวลดลงจากความต้องการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลงและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าและพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com