นักลงทุนและนักวิเคราะห์คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้
เครื่องมือ FedWatch โดย CME Group ระบุว่า นักลงทุนคาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ โดยให้โอกาสเพียง 2% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่คาดเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเดือน ก.ค. ที่ 21%
ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์จำนวน 41 คน โดย CNBC ระบุว่า นักวิเคราะห์ทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่าเฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่คาดว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้ 1-2 ครั้ง และคาดว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้จนถึงเป้าหมายของตนที่ 2.64% ในช่วงปลายปี 2018
ปัจจัยแวดล้อมเฟดในขณะนี้ มีปัจจัยลบหลายปัจจัย อาทิ การทำประชามติออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ, ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาไม่สู้ดีนัก บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอาจจะชะลอตัว
อนึ่งตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯนั้นเป็นดั่งดวงประทีปของเฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากตลาดแรงงานชะลอตัวลงอาจทำให้เฟดต้องชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
นักวิเคราะห์จาก Renaissance Macro Research ระบุ การทำประชามติของอังกฤษนั้นเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญเพียงพอที่จะให้เฟดเลื่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป
นักเศรษฐศาสตร์จาก Cornerstone Macro ระบุว่า เราไม่ควรคาดหวังว่าเฟดจะส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ในการประชุมครั้งนี้
นักเศรษฐศาสตร์จาก Citigroup คาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วง โดยการประชุมเดือน ก.ย. เฟดน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ขณะที่การประชุมในวันนี้เฟดจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างแน่นอน งานหนักของประธานเฟดในการประชุมครั้งนี้คือ จะต้องทำให้เฟดกลับมามีความน่าเชื่อถืออีกครั้ง
นักวิเคราะห์จาก Bankrate คาดการณ์ว่า แม้สหรัฐฯจะมีข้อมูลเศรษฐกิจบางส่วนที่อ่อนแอ แต่ยังคาดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะยังไม่ชะลอตัว อย่างไรก็ดีข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของเดือน พ.ค. นั้นผิดปกติ
นักวิเคราะห์ฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า ตลาดนั้นเกลียดความไม่แน่นอน แต่ดูเหมือนว่าความไม่แน่นอนจะประดังเข้ามาในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งเฟด ทั้งข้อมูลเศรษฐกิจ ทั้งการเลือกตั้ง ดังนั้นให้เตรียมความพร้อมสำหรับความผันผวนที่กำลังจะสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ระบุว่า จากอัตราการว่างงานที่ลดลงสู่ระดับ 4.7%, อัตราค่าจ้างที่ปรับตัวสูงขึ้น และเงื่อนไขทางการเงินที่ดีขึ้น ทำให้คาดการณ์ว่า เฟดน่าจะไม่สามารถชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปได้นานนัก
ผลโพลล์ Brexit “ออก” กำลังจะนำ “อยู่”
ที่มา : Bloomberg’s Brexit Poll Tracker
เครื่องมือ Brexit Poll Tracker โดย Bloomberg ซึ่งรวบรวมข้อมูลของโพลล์หลายสำนักย้อนหลัง ชี้ให้เห็นว่าผลโหวต “ออก” เริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจนใกล้กับระดับ “อยู่” โดยอยู่ที่ระดับ 45.5% ต่อ 45.9%
พร้อมกันนี้ จำนวนผู้ที่ “ยังไม่ตัดสินใจ” เองก็ปรับตัวลดลงมาเรื่องๆเช่นเดียวกัน จากระดับราว 15% ในเดือน เม.ย. สู่ระดับ 8.6% ในวันจันทร์ที่ผ่านมา
น้ำมันดิบหดตัวลงจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบโดย API ที่เพิ่มขึ้น
ในวันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบกว่า 3 สัปดาห์เนื่องจากสต็อกน้ำมันสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดจะยังอยู่ต่อไปนานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.97% สู่ระดับ 48.02 เหรียญ/บาร์เรล โดยทำจุดต่ำสุดบริเวณ 47.55 เหรียญ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 23 พ.ค.
วานนี้ API เผย สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งผิดทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ในวันนี้ จะมีการเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯอีกครั้งโดย EIA โดยนักวิเคราะห์จาก CiTi Futures ระบุว่า หาก EIA เผยออกมาว่าสต็อกน้ำมันดิบนั้นที่ลดลง อย่างน้อยที่สุดก็จะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบได้