ผลการประกาศข้อมูลที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯในวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า ยอดอนุมัติการก่อสร้างในเดือนพฤษภาคมขยายตัวขึ้นน้อยกว่าคาดเล็กน้อยและก็ดีขึ้นจากเดิมเพียง 10,000 ยูนิต แตะระดับ 1.14 ล้านยูนิต ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ดีขึ้นกว่าคาดเล็กน้อยแต่แย่ลงจากเดิมประมาณ 10,000 ยูนิต แตะระดับ 1.16 ล้านยูนิต
ความไม่แน่นอนจากกรณี BREXIT ได้ส่งผลให้ VIX Index หรือดัชนีความกลัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 4 เดือน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
IMF ได้ระบุถึงความเสี่ยงจากการที่อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปไว้ โดยระบุว่า จะส่งผลกระทบทางลบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงประเทศอื่นๆในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ และ เบลเยียม ซึ่งมีความสัมพันธ์กับอังกฤษอย่างใกล้ชิด
ผลการสำรวจผู้จัดการกองทุนทั่วโลกโดย Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า ความไม่แน่นอนจากกรณี BREXITส่งผลให้พวกเขาถือครองเงินสดไว้มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001
น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ ท่ามกลางตลาดที่วิตกกังวลต่อผลกระทบจากกรณีที่อังกฤษอาจเลือกออกจากอียู โดยน้ำมันดิบ Brent ปิด +1.3% ที่ระดับ 47.78เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้ร่วงลงเกือบ 5.5% ด้านน้ำมันดิบ WTI ปิด +0.8%ที่ระดับ 46.58 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์นี้ร่วงลงประมาณ 5% เช่นกัน
Moody’s คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ จะอยู่ที่ระดับ 40-60 เหรียญ/บาร์เรล ในภาพระยะกลาง โดยระบุว่าภาพรวมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นมากก็ตาม
รายงานจาก Baker Hughes ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น 9 แท่นสู่ระดับ 337 แท่น
รายงานล่าสุดจากรอยเตอร์สในวันเสาร์ ระบุว่า ทางนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายเดวิด คาเมรอน พร้อมด้วยพรรคฝ่ายค้าน Labor Party มีความเห็นตรงกันว่าจะเลื่อนการรณรงค์ Brexit ออกไปจนกว่าจะถึงวันอาทิตย์หน้า ขณะที่ตำรวจอังกฤษควบคุมตัวชายวัย 52 ปี ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือสังหาร นางโจ ค็อก สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ