• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2559

    20 มิถุนายน 2559 | Economic News


EU เตรียมประชุมฉุกเฉิน หากมติ Brexit เป็น OUT

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) เตรียมการจัดประชุมฉุกเฉินกรณีอังกฤษลงมติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เพื่อบรรเทาความผันผวนของตลาดการเงิน และป้องกันปรากฏการณ์ลูกโซ่ในสภาวะเศรษฐกิจอ่อนไหว

ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะออกจาก EU นั้นมีมากขึ้น หลังโพลชี้ว่ามีการโหวต OUT เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะออกแถลงการณ์บรรเทาความกังวล ในช่วงเช้าวันศุกร์ หากผลออกมาเป็นOUT

โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า ผู้นำสถาบันต่าง ๆ ของ EU จะประชุมกันในวันศุกร์ช่วงเช้าเพื่อหารือถึงผลการลงมติ และออกแถลงการณ์ร่วมกัน


นักกลยุทธ์จาก Wells Fargo ระบุ Brexit เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการเข้าซื้อหุ้น

นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Wells Fargo ระบุ การทำประชามติของอังกฤษที่กำลังใกล้เข้ามา ได้ทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยนักลงทุนนั้นจะตื่นตระหนกและเทขายหุ้นหากผลออกมาเป็น Brexit

ณ เวลานั้น Wells Fargo แนะนำให้นักลงทุนเข้าไปซื้อหุ้น Big Cap ของสหรัฐฯ โดยหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์นักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง

“ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกจะไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างน้อย 12-18 เดือน”

Wells Fargo คาด ดัชนี S&P 500 ในช่วงสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 2,190 – 2,290 จุด ซึ่งมากกว่าระดับปัจจุบัน ราว 9%


สมาชิกอีซีบี ระบุ การถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ จะนำไปสู่ความแตกแยกภายในสหภาพยุโรป

นาย Jozef Makuch สมาชิกอีซีบี ระบุว่า การถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ จะนำไปสู่ความแตกแยกภายในสหภาพยุโรปและจะทำให้การบูรณาการด้านอื่นๆดำเนินการได้ช้าลง

นอกจากนี้การทำประชามติดังกล่าว อาจส่งผลให้ตลาดการเงินขาดเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี อีซีบี จะดำเนินการลดความผันผวนในตลาดอย่างที่เคยทำมาในอดี


IMF ระบุ ญี่ปุ่นควรยกเครื่องนโยบาย Abenomics

IMF ระบุในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นควรยกเครื่องนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มรายได้และการปฏิรูปตลาดแรงงานเป็นลำดับแรก ซึ่งกระทำโดยการเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังและทางการเงินเข้าไปอีก

บีโอเจ ควรใช้นโยบายทางการเงินให้ยืดหยุ่นมากกว่าเดิม, ยกเลิกการระบุว่าเงินเฟ้อจะถึงเป้าหมายเมื่อใด ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นควรขึ้นภาษีขายสู่ระดับอย่างน้อย 15% เพื่อให้มีความสมดุลกันระหว่าง การเติบโต และ ความยั่งยืนทางการคลัง

IMF ระบุเพิ่มเติมว่า “ภายใต้นโยบายปัจจุบัน เศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่ทางการญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าเอาไว้


น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความกังวลต่อ Brexit ที่น้อยลง

ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและความกังวลที่ลดลงต่อการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียปรับตัวสูงขึ้น

น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 48 เซนต์ สู่ระดับ 49.65 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 55 เซนต์ สู่ระดับ 48.53เหรียญ/บาร์เรล

ผู้เชี่ยวชาญจาก CMC Markets ระบุว่า ในขณะนี้นักลงทุนให้ความสำคัญกับประเด็น Brexit และส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้น Brexit จะเป็นปัจจัยขับที่จะเคลื่อนตลาดน้ำมันดิบไปอีกสักระยะหนึ่ง

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com