ทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.3% แถวระดับ 1,269.6 เหรียญ หลังลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์วันนี้บริเวณ 1,260.36 เหรียญซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ระมัดระวังการลงประชามติของอังกฤษที่อาจเลือกโหวตอยู่ในอียูต่อไป
ทั้งนี้ หากอังกฤษเลือกออกจากการเป็นสมาชิก 28 ประเทศของอียู อาจส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปกลับสู่ภาวะซบเซา และจะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและเมื่อนั้นจะเพิ่มปริมาณการถือครองทองคำ
นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า ในระยะสั้นราคาทองคำจับตาไปยังการลงประชามติอังกฤษซึ่งมีแนวโน้มว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวตามผลที่จะออกมา แต่หากผลการลงประชามติผ่านพ้นไป ก็อาจเห็นราคาทองคำกลับมาเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานต่างๆได้ แต่ในระยะสั้นๆ เราอาจเห็นทองคำเผชิญกับภาวะ Overbought
นักวิเคราะห์จาก Wing Fung Financial Group กล่าวว่า ในระยะกลาง - ระยะยาว ภาพรวมของทองคำปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 20% ในปีนี้ และยังมีทิศทางเป็นขาขึ้นในกรอบ 1,250 - 1,315 เหรียญ/ออนซ์ และน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบต่อไป และเชื่อว่าปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะยาว
อาจไม่ใช่เพียงแค่เหตุการณ์ Brexit เท่านั้น อย่างไรก็ดี ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงสู่ระดับ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ หากอังกฤษเลือกที่จะอยู่ในอียูต่อไป
รายงานจาก Business Times ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยนักลงทุนเตรียมรับผลการลงประชามติของอังกฤษที่เริ่มต้นให้ลงคะแนนเสียงตั้งแต่เวลา 13.00น. ตามเวลาประเทศไทย
ทั้งนี้ ทองคำฟื้นตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2014 ก่อนจะปรับตัวลงท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าชาวอังกฤษจะโหวตอยู่ในอียูต่อไป จึงลดปริมาณการถือครองทองคำ ขณะที่ผลสำรวจยังคงแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจที่จะอยู่ในอังกฤษต่อไป ขณะที่รัฐบาลและธนาคารต่างๆกล่าวเตือนว่าการเลือกออกจากอียูอาจจุดประกายความผันผวนให้เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก Societe Generale SA กล่าวว่า การตัดสินใจที่ออกจากอียูอาจส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นแตะ 1,400 เหรียญ/ออนซ์ ขณะที่หากผลออกมาตรงข้ามก็จะสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ หลังจากที่ในปีนี้ทองคำได้รับแรงหนุนจากการที่เฟดยังคงมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป