ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดปรับตัวลดลง 3.39% หรือ 610.32 จุด สู่ระดับ 17,400.75 จุด ในวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 2015 โดยภาคการเงินปรับตัวลดลงมากกว่า 5.4% มากที่สุดนับตั้งแต่ ส.ค. 2011 นอกจากนี้ผลการลงประชามติอังกฤษในวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษ หดตัวลง 2.76% มากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. ขณะที่ ดัชนี DAX ของเยอรมันปรับตัวลดลง 6.8% มากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2008
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวลดลง ขณะที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงมากที่สุดเกือบ 2% ในเช้านี้ โดยตลาดได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลที่จะตามมาจากการที่อังกฤษตัดสินใจออกจากอียูว่าจะส่งผลอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรปเช่นไร รวมถึงการเจรจาต่อความสัมพันธ์ครั้งใหม่ และการที่กลุ่มผู้นำยุโรปจะร่วมมือกันหนุนเศรษฐกิจของยุโรปเช่นไร
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีกระแสเงินไหลออกประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยดัชนี MSCI (ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ปรับตัวลงไปกว่า 4.8% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่เช้านี้ดัชนี MSCI เปิด -0.5% ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.2% และตลาดหุ้นออสเตรเลียร่วงลง 1%
ด้านดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด +1.3% โดยรีบาวน์กลับหลังจากที่ร่วงลงไปกว่า 7.9% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.36 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันผันผวนตามข่าว Brexit และอ่อนค่ามากถึง 1.3% โดยขึ้นไปถึง 35.53 บาท/ดอลลาร์ ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามา ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการเข้ามาดูแลของทางการหรือไม่ ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคผันผวนมากกว่าบาท ทั้งริงกิต ดอลลาร์สิงคโปร์ และวอน
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ที่ 35.20-35.80 บาท/ดอลลาร์